การก่อสร้างโครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ(ปีงบประมาณ 2554-2560)ระยะที่2 พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติเป็นประธานในพิธี เปิดเผยว่าสนามบินเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องพัฒนาเพื่อรองรับการท่องเที่ยว ที่จะเพิ่มจำนวนมากขึ้นทุกปี แต่ใช่ไม่ทำเฉพาะท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเท่านั้น จะขยายการพัฒนาไปยังสนามบินอู่ตะเภาและสนามบินดอนเมือง และจะต้องดำเนินการกับกลุ่มมาเฟียสนามบินดอนเมืองด้วยเช่นกัน นายกรัฐมนตรีกล่าวว่ารู้สึกภูมิใจที่เห็นโครงการดังกล่าวเริ่มขึ้นและอีกหลายโครงการที่จะเกิดขึ้น ส่วนโครงการใดที่ยังไม่สำเร็จรัฐบาลก็จะเร่งดำเนินการตามโรดแมฟ พร้อมขอบคุณทุกคนที่อดทนทำงานกับนายกรัฐมนตรีมากว่า 2 ปี แม้จะต้องทำงานทุ่มเทและหนักทุกวันแต่เชื่อว่าการทำงานของตนไม่น้อยหน้าใครในโลก แม้รัฐบาลชุดนี้จะมีที่มาแตกต่างกับชุดอื่น แต่ไม่ได้ทำงานเพื่อตัวเอง แต่ทำงานเพื่อประชาชน ดังนั้นขอให้ประชาชนมีคุณธรรมจริยธรรม และความพอเพียงรวมถึงมองเห็นความลำบากของผู้อื่นด้วย
ด้านนายอาคม เติม พิทยาไพสิฐ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2553 บริษัทท่าอากาศยานไทย หรือ ทอท. ได้รับอนุมัติโครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิจากคณะรัฐมนตรี เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสาร ที่จากเดิม สามารถรองรับได้45 ล้านคน ต่อปีเป็น 60 ล้านคนต่อปี โดยเมื่อวันที่25 สิงหาคม2559 และทอท.ได้ลงนามสัญญาจ้างก่อสร้างโครงการพัฒนาท่าอากาสสุวรรณภูมิ 3 งาน คือ กลุ่มงานก่อสร้างอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1คาดว่าจะเสร็จสิ้นปี2561, กลุ่มงานก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคคาดว่าจะเสร็จสิ้นปี2562 , และกลุ่มงานจ้างที่ปรึกษาควบคุมโครงการ และมีการทำสัญญาจ้างก่อสร้างเพิ่มอีก4สัญญา เช่น งานจัดซื้อพร้อมติดตั้งระบบขนส่งโดยสารอัตโนมัติ,งานจ้างก่อสร้างส่วนขยายอาคารผู้โดยสารทิศตะวันออก อาคารสำนักงานสายการบินและที่จอดรถด้านทิศตะวันออก,งานจัดซื้อพร้อมติดตั้งระบบสายพานลำเลียงกระเป๋าและระบบตรวจจับวัตถุระเบิด,งานจ้างก่อสร้างอาคารเทียบเครื่องบิรองหลังที่ 1 และส่วนเชื่อมต่ออุโมงค์ด้านทิศใต้ คาดว่าทั้งหมดนี้จะแล้วเสร็จในเดือนพฤศจิกายน 2560 ส่วนด้านการลงทุนครั้งนี้ลดลงกว่าที่คาดการณ์ถึง1หมื่นกว่าล้านบาท รวมถึงยังมีโครงการที่จะพัฒนาอาคารผู้โดยสารเพื่อรองรับนักท่องเที่ยว90ล้านคนต่อปี ตามยุทธศาสตร์แห่งชาติ20ปี