วันนี้ เจ้าหน้าที่ทหารได้นำตัวผู้ต้องหาที่จับกุมได้เมื่อวันที่12เมษายนพร้อมกับนางสาวพสิษฐ์ อริญชย์ลาภิศ หรือ โชกุน กรรมการบริหารบริษัทเวลท์เอฟเวอร์ ผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีฉ้อโกงประชาชน เช่น นางมณฑญาณ์ นิรันดร หรือ จันทร์ฉาย นาคฤทธิ์ มารดาของโชกุน ,นางประนอม พลานุสนธิ์ เลขานุการของโชกุน,นางสาวทัศย์ดาว สมัครกสิกรรณ์ หญิงคนสนิทของโชกุน และพวกในเครือข่ายของโชกุนรวมทั้งหมด8คน จากมณฑลทหารบกที่11(มทบ.11) มาส่งมอบให้พลตำรวจเอกศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่กองปราบปราม ซึ่งผู้ต้องหา ได้รับตรวจร่างกายจากแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อยืนยันว่าไม่มีการทำร้ายร่างกาย และตรวจสอบทรัพย์สิน ที่ติดตัวผู้ต้องหามาตั้งแต่ในวันที่ถูกจับกุม รวมถึงรับทราบข้อกล่าวหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชนและซ่องโจรให้รับทราบ โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จัดทนายความ 4 คน จากสภาทนายความมาช่วยในคดี ด้วย
นางมณฑญาณ์ ระบุว่า ไม่มีการชักชวนหรือขายทัวร์ เพียงแค่เชิญชวนให้สมัครสมาชิกของผลิตภัณฑ์ และช่วยเหลือคนมีรายได้น้อยได้มีโอกาสไปเที่ยวต่างประเทศสักครั้งในชีวิต เปรียบเหมือนสุนัขที่กำลังมองเครื่องบิน ส่วนที่มีภาพตัวเองปรากฏอยู่ในเครื่องบินเช่าเหมาลำนั้น เพราะ ลูกสาวอ้างว่า ทำธุรกิจเปิดเครื่องบินเช่าเหมาลำ 8 ลำ ในเส้นทางระหว่าง มาเก๊า - ฮ่องกง ซึ่งครั้งแรกลูกสาวก็ได้พาไปเที่ยวด้วย สำหรับเมื่อวันที่ 11 เมษายน ที่มีการลอยแพสมาชิกนั้น อ้างว่า นายทุนชาวฮ่องกงเป็นผู้จัดการเช่าเครื่องบินให้ ซึ่งในวันนั้นเครื่องบิน ไม่สามารถลงจอดได้ และไม่ขอเปิดเผยว่าเป็นสายการบินใดยืนยันว่าไม่เคยเจอหรือพูดคุย กับนายทุนชาวฮ่องกง เคยเห็นแค่ภาพถ่ายเท่านั้น และไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับธุรกิจของโชกุนเลย นางมณฑญาณ์ยังขู่ด้วยว่า จะฟ้องกลับบุคคลที่นำข้อมูลไปเผยแพร่ว่า เป็นการขายทัวร์
ด้านนางสาวประนอม กล่าวว่า ไม่เคยเชิญชวนประชาชนไปเที่ยวต่างประเทศ ทำเพียงแค่เป็นชวนให้สมัครสมาชิก ส่วนการไปเที่ยวญี่ปุ่นนั้นเป็นโปรโมชั่นที่โชกุนคิดขึ้นมา โดยอ้างว่าได้เงินจากนายทุนชาวฮ่องกงเป็นผู้สนับสนุนค่าใช้จ่ายทั้งหมด
ด้านนางสาวทัศย์ดาว ระบุว่า เมื่อเดือนกุมภาพันธ์เคยไปเที่ยวต่างฮ่องกงและญี่ปุ่นจริง แต่ก็ไม่มีการเชิญชวนในลักษณะการขายทัวร์ พร้อมปฏิเสธว่าลูกทีมที่สมัครสมาชิกนั้นไม่เคยโอนเงินเข้าบัญชีตัวเอง โอนเข้าบัญชีของโชกุนโดยตรง แต่ก็เคยได้ค่าคอมมิชั่นจากการขายอาหารเสริมประมาณ 280,000บาท โดยผู้ต้องหาทั้ง 8คน ให้การปฏิเสธในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน พร้อมยังเชื่อว่าโชกุน ไม่ได้มีพฤติการณ์ หลอกหลวงใคร
ด้านพลตำรวจเอกศรีวราห์ กล่าวว่า หลังจากนี้พนักงานสอบสวนจะทำการสอบปากผู้ต้องหาทั้งหมด เพื่อหาความเชื่อมโยงและความสัมพันธ์กับโชกุน และธุรกิจทัวร หากหลักฐานเชื่อมโยงไปถึงใครก็จะดำเนินการตามกฎหมาย แต่จะมี ความเชื่อมโยงกับนายทุนฮ่องกง ที่โชกุนอ้างว่าเป็นนายทุนในการทำธุรกิจอาหารเสริมและท่องเที่ยวนั้นหากหลักฐานเชื่อมโยงไปถึง ก็พิจารณาขอศาลอนุมัติหมายจับเพิ่มเติมต่อไป ล่าสุดได้มีการยึดทรัพย์สินของโชกุน มูลค่ากว่า 17รายการ มูลค่ากว่า12ล้านบาท เช่น คอนโดมิเนียม รถยนต์ ส่วนบัญชีเงินฝากมูลค่ากว่า3,000,000บาท อยู่ระหว่างอายัดเพื่อตรวจสอบและหากกระบวนการสอบปากคำทั้ง8คนเสร็จสิ้นภายในวันนี้ พนักงานสอบสวน ก็จะควบคุมตัวไปขออำนาจศาลอาญาฝากขังต่อไป