การตรวจดีเอ็นเอเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ของนายวรท ตู้วิเชียร บุตรชายของ นายวรพันธ์ ตู้วิเชียร หรือผู้ใหญ่วอ เจ้าของเอซีบาร์ ต.เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี หลังจากที่มีกระแสข่าวว่านายวรท เป็นผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีการฆาตกรรม 2นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษที่เกาะเต่า เมื่อวันที่15ก.ย. วันนี้ พลตำรวจเอกสมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจตำรวจแห่งชาติ พลตำรวจเอกจรัมพร สุระมณี ที่ปรึกษา ผบ.ตร. พร้อมด้วย นายวรพันธ์ และ นายวรท ได้เดินทางมาที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อตรวจดีเอ็นเอ โดยมีทีมแพทย์จาก4สถาบัน ประกอบด้วยสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โรงพยาบาลศิริราช และโรงพยาบาลรามาธิบดี มาเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอ โดยทีมแพทย์จาก4สถาบัน ได้เก็บตัวอย่างดีเอ็นเอของนายวรท ด้วยวิธีการขูดเนื้อเยื่อจากกระพุ้งแก้ม และเก็บตัวอย่างเลือด เพื่อนำไปตรวจพิสูจน์เปรียบเทียบดีเอ็นเอกับวัตถุพยาน และดีเอ็นเอที่พบบนร่างผู้เสียชีวิต
พลตำรวจเอกสมยศ เปิดเผยว่า การตรวจดีเอ็นเอในครั้งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับสำนวนการสอบสวนเนื่องจากสำนวนอยู่ในชั้นอัยการ คาดว่าจะทราบผลภายใน24-48 ชั่วโมง เพราะไม่ได้ตรวจดีเอ็นเอนายวรท เนื่องจาก เจ้าหน้าที่พิสูจน์ทราบว่าไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุจึงไม่ได้สอบสวนและตรวจพิสูจน์ พลตำรวจเอกสมยศ สั่งให้ ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือบก. ปอท. ไปดำเนินการตรวจสอบเจ้าของเพจผู้โพสต์ข้อความและผู้ที่ส่งต่อข้อความ ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ทราบถึงเป้าหมายของผู้กระทำว่ามีเจตนาลดความน่าเชื่อถือ ของการทำงานของตำรวจ ผบ.ตร. , สำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวมถึงรัฐบาล โดยเตรียมดำเนินคดีกับเจ้าของเพจ ซึ่งตำรวจทราบแล้วว่าใครเป็นเจ้าของ พร้อมเตือนผู้ที่ส่งต่อข้อความว่ามีความผิดเท่ากับผู้โพสต์ทั้งนี้ฝากไปถึงประชาชน องค์กร หรือ สถาบันต่างๆที่นิยมเอากระแสจากสื่อสังคมออนไลน์มาใช้ในการสร้างภาพลักษณ์ ควรคำนึงถึงสิทธิของผู้อื่นภายใต้ขอบเขตของกฎหมายด้วยสำหรับกรณีที่สองผู้ต้องหาชาวเมียนมาร์ได้ร้องขอให้มีการตรวจดีเอ็นเอซ้ำอีกครั้ง เป็นดุลยพินิจของอัยการ พร้อมยืนยันกับสื่อมวลชนว่าไม่มีการจับแพะและซ้อมทรมานผู้ต้องหา
ด้านนายวรพันธ์ กล่าวว่า บางเพจลงข้อมูลเกินความเป็นจริงทำให้ครอบครัวได้รับผลกระทบ รวมถึงการท่องเที่ยวในเกาะเต่ารวมถึงประเทศชาติ หากต้องการความจริง ขอให้มีขั้นตอนในการตรวจสอบหรือสามารถโทรสอบถามที่ตัวเองได้ เนื่องจากให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจตลอด ไม่ทราบเจตนาของผู้ที่พยายามโจมตี ส่วนการฟ้องร้องได้มอบหมายให้ทีมทนายความไปดำเนินการ ขณะที่ นายวรท กล่าวว่ารู้สึกเสียใจที่คนไทยไปเชื่อบุคคลที่ไม่มีตัวตน ไม่มีใครเข้ามาถามความจริงกับตัวเอง มีเพียงแค่เพื่อนสนิทเท่านั้น
สานนท์