!-- AdAsia Headcode -->
อากาศร้อนจัดเช่นนี้ จะร้อนยิ่งกว่าเมื่อคุณเปิดประตูเข้ารถที่จอดไว้กลางแจ้ง เพราะภายในรถอากาศไม่ได้ถ่ายเท อุณหภูมิจะสะสมสูงขึ้นไม่ต่างกับเตาอบ จึงไม่แปลกที่เราเข้าไปนั่งแล้วรู้สึกร้อนไปหมด ทั้งเบาะ พวงมาลัย กระเป๋า ฯลฯ จึงขอแนะวิธีการคลายร้อนให้รถของคุณตามลำดับ ดังนี้
1. ใช้หลักความดันไล่อากาศ ก่อนออกรถ
ในขณะที่เปิดรถเข้าไปใหม่ๆ อุณหภูมิภายในรถจะสูงกว่าด้านนอก ให้เปิดกระจกฝั่งคนนั่งหน้าซ้ายลง แล้วเปิดประตูฝั่งคนขับออกไปโดยดันเปิด-ปิด 5 รอบ จะทำให้ความดันภายในรถลดลง อากาศภายนอกจะเข้ามาแทนที่ในฝั่งกระจกซ้าย ส่วนความร้อนก็จะออกไปทางฝั่งประตูขวา จะรู้สึกได้ทันมีว่าอุณหภูมิลดฮวบลงมาใกล้เคียงกับภายนอก ลองชมคลิปตัวอย่างที่ชาวญี่ปุ่นทำไว้
2. ขับรถเปิดกระจกสัก 10 วินาที
แม้อุณหภูมิในรถจะใกล้เคียงกับภายนอกแล้ว แต่วัสดุต่างๆภายในรถจะยังคลายความร้อนระอุออกมาเรื่อยๆ ให้คุณเปิดกระจกรถทุกบาน แล้วขับรถออกมา เปิดทิ้งไว้แค่เพียง 10 วินาที ลมจะหมุนเวียนได้อย่างเต็มที่ ไล่ความร้อนสะสมออกจนแทบหมด
3. เปิดแอร์จากเบาไปแรง
การเปิดแอร์แรงๆในทันทีที่อุณหภูมิภายในรถสะสมมากๆ นอกจากคอมแอร์จะต้องทำงานอย่างหนักทำให้สึกหรอเร็วแล้ว ยังไม่ได้ทำให้อุณหภูมิเย็นเร็วไปกว่าการทำ 2 ขั้นตอนแรกก่อนด้วย การเปิดแอร์แรงในทันที ก็เหมือนนักวิ่งที่ออกตัววิ่งเร็วๆทันทีโดยไม่ได้วอร์มร่างกาย ทำให้เหนื่อยและบาดเจ็บได้ง่าย เพราะรถที่จอดตากแดด อุณหภูมิของอุปกรณ์การทำความเย็นก็ร้อนตามเช่นกัน ต้องให้เวลากันหน่อย
4. รถต้อง"วิ่ง"ไปเรื่อยๆ
ข้อนี้สำคัญมาก เพราะคอยล์แอร์ต้องมีลมช่วยพัดระบายความร้อน แม้จะมีพัดลมทำหน้าที่นั้นโดยตรงอยู่แล้ว แต่ลมที่พัดแรงๆที่เข้ามาระหว่างรถวิ่งนั้นย่อม"แรงกว่า"แรงของพัดลมเสียอีก โดยเพราะรถรุ่นเก่าๆหรือระบบแอร์ที่มีอายุมากหน่อย ประสิทธิภาพการทำความเย็นก็จะลดลง พัดลมก็แรงน้อยลง ส่วนรถใหม่ๆอาจไม่เห็นความต่างส่วนนี้มากนัก
5. เช็คสัญลักษณ์แอร์
สัญลักษณ์ A/C หมายถึง เปิดคอมแอร์ทำงาน เป็นการเช็คว่าคุณ"เปิดแอร์"แล้ว ไม่ใช่ว่าเผลอเปิดแต่พัดลม ,ส่วนสัญลักษณ์รถที่มีลูกศรวนภายใน หมายถึงการปิดกั้นไม่ให้อากาศจากภายนอกเข้ามาในรถ (มีไว้ใช้เวลาต้องการไล่ฝ้า) เป็นการ"ปรับอากาศ"เฉพาะภายในรถในเอง
มาถึงตรงนี้หากทำครบทุกขั้นตอนแล้วแต่ทำไมยังไม่เย็นอีก ขอให้คุณเช็คประสิทธิภาพการทำงานของระบบแอร์ว่ายังใช้ได้หรือไม่ ทั้งพัดลม น้ำยาแอร์ แผงคอยล์ ฯลฯ ขณะเดียวกันควรเพิ่มตัวช่วยในการ"ป้องกัน"เพิ่มเติม เช่น การติดฟิล์มกรองแสง และการหาที่บังแดด หรือหาร่มเงาให้กับรถบ้าง ขอให้ทุกคนผ่านหน้าร้อนนี้ไปด้วยกัน และขอความร่วมมืองดสตาร์ทรถทิ้งไว้นานๆ เพราะนั่นคือสาเหตุทางอ้อมส่วนหนึ่งที่ทำให้อุณหภูมิสูงขึ้นอย่างเช่นทุกวันนี้
DJ อภิสุข เวทยวิศิษฏ์