จังหวัดอุดรธานีเปรียบเสมือนเป็นศูนย์กลางการคมนาคมและการท่องเที่ยวของภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยในปัจจุบัน มีความสำคัญอย่างยิ่งในทางประวัติศาสตร์ เนื่องจากเป็นที่ตั้งของแหล่งอารยธรรมบ้านเชียง ซึ่งเป็นร่องรอยของอารยธรรมมนุษย์ที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
อยู่ในเขตเทศบาลเมืองอุดรธานี หนองประจักษ์เป็นหนองน้ำขนาดใหญ่ มีมาตั้งแต่ก่อนตั้งเมืองอุดรธานี เดิมเรียกว่า “หนองนาเกลือ” ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของตัวเมือง ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น “หนองประจักษ์” เพื่อเป็นเกียรติประวัติแก่พลตรีพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม ผู้ก่อตั้งเมืองอุดรธานี เมื่อปี พ.ศ. 2530 ต่อมาทางจังหวัดได้ปรับปรุงพื้นที่ถวายแด่ในหลวง รัชกาลที่ 9 เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 5 รอบ โดยบริเวณตัวเกาะกลางน้ำได้จัดทำสวนหย่อมปลูกไม้ดอกไม้ประดับหลายชนิด และทำสะพานเชื่อมระหว่างเกาะมีน้ำพุ หอนาฬิกา และสวนเด็กเล่น เป็นที่พักผ่อนและออกกำลังกายของประชาชน
ตั้งอยู่ที่วัดศิริสุทโธ ตำบลวังทอง เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบ้านบริเวณใกล้เคียงให้ ความเคารพ มีผู้กล่าวว่า สถานที่แห่งนี้เป็นปากเมืองบาดาลที่มีตำนานเกี่ยวกับพญานาคตามความเชื่อของชาวอีสานและชาวลาว ซึ่งในปัจจุบันบริเวณดังกล่าวมีต้นชะโนดขึ้นปกคลุมหนาแน่นเป็นจำนวนมาก ต้นชะโนด มีลักษณะคล้ายกับต้นตาลและต้นมะพร้าวรวมกัน ภายในสถานที่แห่งนี้มีศาลเจ้าปู่ศรีสุทโธ และบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ เปิดตั้งแต่ 6.00-18.00 น.
ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาภูพาน ตำบลเมืองพาน อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท เป็นอุทยานที่แสดงถึงอารยธรรมของมนุษย์ และการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิประเทศซึ่งมีโครงสร้างส่วนใหญ่เป็นหินทรายซึ่งถูกการกัดกร่อนทางธรรมชาติทำให้เกิดเป็นโขดหินน้อยใหญ่รูปร่างต่างๆ กัน ปรากฏเป็นหลักฐานเกี่ยวกับชีวิตผู้คนในอดีตที่น่าสนใจหลายแห่ง
ตั้งอยู่ในหนองหาน อำเภอกุมภวาปี แหล่งน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่ที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยพันธุ์ปลา พันธุ์นก และพืชน้ำจำนวนมาก มีพื้นที่ประมาณ 22,500 ไร่ หรือ 36 ตารางกิโลเมตร โดยสามารถชมได้ในช่วงเดือนธันวาคม – กุมภาพันธ์ นักท่องเที่ยวจะมองเห็นดอกบัวแดงบานเต็มท้องน้ำหนองหานสุดลูกหูลูกตา งดงาม อย่างหาที่เปรียบไม่ได้ จึงเป็นที่มาของคำว่า ทะเลบัวแดง ช่วงเวลาเหมาะกับการล่องเรือชมดอกบัวแดง คือช่วง 6.00-11.00 น. ติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่ ททท.อุดรธานี 042-325406-7
เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าพันดอน-ปะโค มีเนื้อที่ 307.8 ตารางกิโลเมตร บนเทือกเขาภูพานน้อย เขตตำบลทับกุง สูงกว่าระดับน้ำทะเล 600 เมตร อากาศเย็นตลอดปี สาเหตุที่ถูกเรียกว่า ภูฝอยลมเนื่องจากพบสาหร่ายฝอยลมเป็นจำนวนมากในพื้นที่ แต่ปัจจุบันเหลือจำนวนน้อยลงไปมาก ภูฝอยลมจัดเป็นศูนย์ศึกษาธรรมชาติที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งในภาคอีสาน มีแปลงปลูกสาธิต และสวนรวมพันธุ์ไม้ป่า 60 พรรษามหาราชินี ภูฝอยลมมีบ้านพักไว้บริการนักท่องเที่ยว และสามารถตั้งแคมป์พักแรมได้ มีกิจกรรมเดินป่า