การจัดสรรวัคซีนป้องกันโควิด19 ในเด็กนักเรียนอายุ 12-17 ปี ที่จะเน้นกลุ่มเปิดเรียนในเดือน พ.ย.นี้นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค(คร.) กล่าวว่า กลุ่มเป้าหมายจากการประมาณการณ์ 4.5 ล้านคน คาดว่า จะเริ่มวันที่ 4 ต.ค. 2564 ในโรงเรียนในสังกัดภาครัฐและเอกชนหลักๆ เป็นสังกัดสำนักงานคณะกรรมการอาชีวศึกษา โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน โรงเรียนพระปริยัติธรรม สถาบันการศึกษาปอเนาะ และโรงเรียนประเภทอื่นที่มีคนที่อยู่ในวัยนี้ 12-17 ปี โดยให้โรงเรียนประสานไปยังผู้ปกครองเพื่อให้ทราบแผนงานการฉีดวัคซีนให้กับเด็กนักเรียน โดยต้องมีการให้ข้อมูลข้อดี ข้อเสียของวัคซีน ก่อนกรอกข้อมูลว่ายินยอมหรือไม่ยินยอมให้เด็กฉีดวัคซีน แล้วส่งกลับมายังโรงเรียน
ทั้งนี้เมื่อฉีดแล้วจะมีการลงข้อมูลในฐานข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุข มีการติดตามการฉีดและการเฝ้าระวังอาการต่อเนื่องอย่างน้อย 30 วัน โดยระยะแรก เป็นวัคซีน mRNAของไฟเซอร์ ส่วนระยะถัดไปอาจจะมีวัคซีนเชื้อตาย เช่น ซิโนแวค หรือซิโนฟาร์ม หากผู้ปกครองยังไม่อยากให้เด็กฉีดวัคซีน mRNA ก็สามารถรอวัคซีนเชื้อตายได้
เบื้องต้นจะไม่มีการใช้สูตรไขว้ในเด็ก แต่จะเป็นซิโนแวค 2 เข็ม และจะใช้ในล็อตเดิม 12 ล้านโดส น่าจะเพียงพอ จากการพิจารณาในกลุ่มเป้าหมาย 4.5 ล้านโดส หากฉีดไฟเซอร์ไปแล้วก็จะเหลือประมาณหนึ่ง เช่น อาจเหลือ 1-2 ล้านคน ซึ่งก็จะใช้ได้ และจะลดข้อกังวลปัญหาภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ ไม่เหมือนวัคซีนชนิด mRNA แต่ทั้งนี้ ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ต้องรอทาง อย.พิจารณาปรับทะเบียนเพิ่มเติมของวัคซีนชนิดเชื้อตายก่อน จึงจะสามารถใช้ได้
โดยสรุป ขณะนี้ในส่วนของภาครัฐจัดบริการวัคซีนในเด็กอายุ 12-17 ปีขึ้นไป คือ วัคซีนไฟเซอร์ โดยการดำเนินการจะมีเวลา 1 เดือนก่อนโรงเรียนจะเปิด ซึ่งจะให้บริการพร้อมกันทุกระดับชั้น ทั้งนี้ วัคซีนไฟเซอร์จะมาถึงประมาณปลายเดือนก.ย.หรือประมาณ 29 ก.ย.2564 ดังนั้น จะใช้เวลาตรวจคุณภาพความปลอดภัย 3-4 วัน และจะส่งไปยังพื้นที่ เพื่อให้บริการในช่วงสัปดาห์ที่ 4 ถึง 9 ต.ค.เป็นต้นไป ซึ่งหากเร่งฉีดเข็ม 1 ในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก เราจะได้ฉีดเข็มที่2 ได้ทันก่อนเปิดเรียน หรืออาจเปิดไปนิดหนึ่งก็ยังพอไหว
#วัคซีนไขว้
#ฉีดวัคซีนให้เด็ก