นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โพสต์ข้อมูลใน Facebook TOP Varawut –ท็อป วราวุธ ศิลปอาชา ว่าหน่วยปฏิบัติการ ได้ใช้ Dispersant ในการกำจัดน้ำมันที่รั่วไหลไปแล้ว ประมาณ 30,000 ลิตร (75%) ซึ่งน้ำมันที่รั่วครั้งนี้ เป็นน้ำมันเบา เมอร์เบินออย (Murban Crude Oil) สีใส ไม่ดำเหมือนน้ำมันดิบ จึงไม่น่าจะมีคราบน้ำมันดำลอยไปติดชายฝั่ง เหมือนคราวที่ท่อส่งน้ำมันดิบรั่วที่อ่าวพร้าว และคาดการณ์ว่า ภายใน 5 วัน น้ำมันบนผิวน้ำจะสลายหมดไปเอง จากการระเหยและเจือจางไปในอากาศ แต่กรมควบคุมมลพิษ จะยังคงติดตามและกำกับการแก้ไขปัญหาของบริษัทสตาร์ ปิโตรเลี่ยม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) เจ้าของท่อต่อไป ทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว อย่างใกล้ชิด เนื่องจาก การใช้สารขจัดคราบน้ำมัน จะออกฤทธิ์ทำให้น้ำมันบางส่วนละลายลงน้ำ แม้ไม่มีส่วนใดตกตะกอน แต่น้ำมันที่ละลาย จะทำให้น้ำมีสารปิโตรเลียมไฮโดรคาร์บอนสูงขึ้น โดยเฉพาะน้ำที่ใกล้ผิวน้ำ อาจส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในน้ำ
โดยการตรวจสอบผลกระทบ ต้องเก็บตัวอย่างน้ำที่ใกล้ผิวน้ำ เพื่อวัดค่าความเข้มข้นปิโตรเลียมไฮโดรคาร์บอน (Petroleum Hydrocarbon,TPH) ตามมาตรฐานที่กรมควบคุมมลพิษกำหนด ไม่เกิน 0.5 ไมโครกรัมต่อลิตร ส่วนการปนเปื้อนสารอันตรายอื่นๆ โดยเฉพาะสารปรอท พบว่ามีความเข้มข้นต่ำ ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ไม่ส่งผลอันตรายกับคน
#กรมควบคุมมลพิษ
#คราบน้ำมันกระทบสิ่งมีชีวิตในน้ำ
CR: Facebook TOP Varawut-ท็อป วราวุธ ศิลปอาชา