ความคืบหน้าการติดตามคนร้ายที่อุ้มและทำร้ายน.ส. ชนิตา กินนิส อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1 หมู่ 2 ต.บ้านช้าง อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี หลังจากที่ร.ต.ท.จักรทอง คำมาพล ร้อยเวร สภ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ ได้รับแจ้งว่ามีเหตุหญิงสาว ถูกมัดมือและรัดคอแต่ยังไม่เสียชีวิต สภาพอิดโรย ร้องขอความช่วยเหลืออยู่บริเวณทางเข้าสนามกอล์ฟสุภาพฤกษ์ ใกล้กับมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (เอแบค) วิทยาเขตสุวรรณภูมิ ถนนบางนา-ตราด กม. 26 หมู่ 7 ต.บางบ่อ อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ จึงรีบช่วยเหลือนำตัวส่งโรงพยาบาลบางบ่อ จส.100 สอบถามเพิ่มเติมจากพ.ต.อ.สมภพ สุภาพร รักษาการแทน ผกก.สภ.บางบ่อ เปิดเผยว่า อยู่ระหว่างการสอบสวนรายละเอียด ส่วนอาการล่าสุดของน.ส.ชนิตา ยังอยู่ห้องไอซียู เจ้าหน้าที่จะลงพื้นที่ไปตรวจสอบจุดที่เกิดเหตุและดูกล้องวงจรปิดจุดที่เกิดเหตุ มีรายงานว่า กองปราบปรามถูกสั่งให้เข้ามาสืบสวนคดีนี้อย่างเร่งด่วน มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจเตรียมประชุมเร่งรัดคดีที่สภ.บางบ่อ
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ได้สอบปากคำนายสุพจน์ แซ่หลอ อายุ 30 ปี รปภ.ของสนามกอล์ฟสุภาพฤกษ์ ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุเห็นรถแท็กซี่สีเหลือง ไม่ทราบรุ่นและทะเบียน ภายในรถเห็นหญิงสาวคนดังกล่าวนั่งซบอกชายหนุ่มอยู่ที่เบาะหลัง จากนั้นประมาณ 5 นาทีรถแท็กซี่ก็ขับออกมา และอีกประมาณ 10 นาทีมีชายใส่หมวกแก๊ป สวมแว่นดำเดินออกมาคนเดียว ก็ไม่ได้สงสัยอะไร จากนั้นสักพักใหญ่ก็เห็นหญิงสาวคนดังกล่าวคลานออกมาจากจุดที่รถแท็กซี่วิ่งเข้าไป จึงเข้าไปดูพบอยู่ในสภาพถูกมัดมือและรัดคอด้วยเชือกไนลอนและเทปกาว จึงรีบโทรศัพท์แจ้งตำรวจ ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตามไปที่รพ.บางบ่อ เพื่อสอบถามข้อมูลเบื้องต้น ทราบว่าน.ส.ชนิตา มีความสนิทสนมกับ พล.ต.ท. พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีต ผบช.ก. ที่ถูกดำเนินคดีหมิ่นเบื้องสูงและรับสินบน
จากการสอบปากคำ น.ส.ชนิตา เล่าให้เจ้าหน้าที่ฟังว่า เหตุการณ์เมื่อวานนี้ตัวเองกำลังจะเดินทางไปที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพื่อดูการประมูลทรัพย์สินของพล.ต.ท. พงศ์พัฒน์ จากนั้นได้แวะไปกินข้าวที่ห้างเซ็นทรัลสาขารามอินทรา ขณะที่ลงรถแท็กซี่ ที่หน้าห้าง ได้มีชายมาประกบ ใช้อาวุธปืน มาจ่อที่หลังขู่บังคับให้ขึ้นรถเก๋งสีดำ จากนั้นได้ปิดตาและมัดมือ ก่อนจะถูกฟาดด้วยของแข็งที่ศีรษะจนหมดสติ กระทั่งมาฟื้นที่ริมทางดังกล่าว ตัวเองรอดชีวิตมาได้เนื่องจากแกล้งทำเป็นเสียชีวิต
มีรายงานระบุว่า น.ส.ชนิตา เป็นบุคคลในตระกูล "ปทุมวาสนา" ที่ถูกฆ่าล้างครอบครัว 5 ศพที่บ้านพักย่านลาดพร้าว เมื่อเดือนเมษายน ปี 2552 โดยเป็นบุตรสาวของภรรยาคนที่ 2 ของนายธนยศ ปทุมวาสนา อายุ 52 ปี เจ้าของธุรกิจโรงงานเฟอร์นิเจอร์รายใหญ่ คดีนี้เกิดขึ้นภายในบ้านเลขที่ 5388 ซอยโพธิ์แก้ว 3 แยก 23 ถนนนวมินทร์ 111 แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม สมัยที่พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ดำรงตำแหน่งผบช.น. ที่เกิดเหตุเป็นคฤหาสน์หรูสไตล์ยุโรป ปลูกอยู่บนเนื้อที่ประมาณ 1 ไร่ มีรั้วรอบขอบชิด จากการตรวจสอบภายในบ้านพบร่องรอยการรื้อคนทรัพย์สินจำนวนมาก นอกจากนี้ยังพบศพผู้เสียชีวิตจำนวน 5 ศพ รายแรกนายธนยศ ปทุมวาสนา อายุ 52 ปี เสียชีวิตอยู่ภายในห้องครัวชั้นล่าง ตรวจสอบตามร่างกายพบบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบขนาดเข้าที่หน้าอกด้านซ้ายทะลุหัวใจ จำนวน 1 นัด ถัดไปที่บริเวณหน้าประตูห้องนอนชั้นล่าง เจ้าหน้าที่พบศพนางกนกกาญจน์ โพธิ์ทอง อายุ 48 ปี ภรรยานายธนยศ ตรวจสอบตามร่างกายไม่พบบาดแผล นอกจากนี้ที่บริเวณประตูห้องน้ำชั้นล่างด้านหลังบ้าน ยังพบศพนางสำรอง บัวแก้ว อายุ 47 ปี สาวใช้ภายในบ้าน ถูกคนร้ายใช้เชือกไนล่อนผู้คอติดอยู่กับลูกบิดประตูห้องน้ำ จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ขึ้นไปตรวจสอบภายในห้องนอนชั้นที่ 2 ก็พบศพนายธนวัฒน์ หรือ กอล์ฟ ปทุมวาสนา อายุ 15 ปี สภาพนอนคว่ำหน้าอยู่ที่พื้นห้อง ตามร่างกายไม่พบบาดแผล ส่วนภายในห้องนอนใกล้กันเจ้าหน้าที่พบศพ น.ส.ศศิมา หรือเกรซ ปทุมวาสนา อายุ 17 ปี สภาพศพนอนคว่ำหน้าอยู่บนพื้นห้อง ถูกคนร้ายใช้เทปกาวสีฟ้าพันที่ใบหน้า และที่ข้อเท้าถูกสายรัดผ้าม่านพันไว้ ตรวจสอบตามร่างกายพบบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบขนาดเข้าที่กลางหลัง
จากการสอบสวนนายกฤษฎา หว่างพันธ์ อายุ 45 ปี พี่เขยของนางกนกกาญจน์ ให้การว่า นายธนยศ ทำธุรกิจเปิดโรงงานเฟอร์นิเจอร์ ชื่อ เอสพีซีเฟอร์นิเจอร์ อยู่ในซอยไม่ห่างจากบ้านที่เกิดเหตุนัก นอกจากนี้ยังรับตกแต่งภายใน ตามห้างต่างๆ ในเครือเซ็นทรัล ตกแต่งร้านค้าต่าง ๆ ในห้าง นอกจากนี้ยังทำธุรกิจค้าขายที่ดิน และทำรีสอร์ท หลังจากวันที่ 4 เม.ย.2552 ได้พบนายธนยศ กับนางกนกกาญจน์ ที่โรงงานเฟอร์นิเจอร์เป็นครั้งสุดท้าย กระทั่งเวลาประมาณ 21.00 น. กลับออกจากโรงงานไปและไม่พบและไม่สามารถติดต่อได้อีกเลย หลังจากวันนั้น ก็ไปกดกริ่งหน้าบ้านก็ไม่มีใครออกมาเปิด และก็ไม่พบว่ามีรถตู้ยี่ห้อโตโยต้า อัลพาร์ด สีขาว หมายเลขทะเบียน ชณ-8535 กทม.จอดอยู่ จึงคิดว่าไปเที่ยวกันทั้งครอบครัว นายกฤษฎา กล่าวว่า กระทั่งวันที่ 9 เม.ย. ซึ่งเป็นวันที่ทั้ง 2 คน ต้องเข้าไปจ่ายเงินให้กับลูกน้องภายในโรงงาน แต่ก็ไม่ได้เข้ามา จึงเข้าไปที่โรงงานก็พบแฟ็กซ์ของ จส.100 แจ้งว่าพบรถตู้ของผู้ตาย จอดอยู่ที่บริเวณหน้าวัดป้อมแก้ว จ.สมุทรสงคราม โดยที่กุญแจรถยังเสียบอยู่ แต่รถน้ำมันหมด จึงโทรศัพท์ไปบอก นายธวัช โพธิ์ทอง อายุ 49 ปี พี่ชายของนางกนกกาญจน์ ให้ไปตรวจรถคันดังกล่าว โดยนายธวัชก็ยืนยันว่า เป็นรถของผู้ตายจริง เลยเข้าไปแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาตรวจสอบที่บ้านทันที แต่ก็ไม่มีใครอยู่จึงตัดสินใจปีนประตูเข้าไปภายใน ก็พบว่าประตูไม่ได้ล็อค เมื่อเดินตรวจดุรอบ ๆ บ้านก็พบนายธนยศ นอนเสียชีวิตอยู่ในบ้านที่ห้องครัว เจ้าหน้าที่จึงเข้าไปตรวจสอบก็พบจึงได้เข้าไปตรวจสอบก็พบศพทั้งหมดดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม กองบังคับการกองปราบปราม พ.ต.อ.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ รอง ผบก.ป. ได้จับกุมผู้บงการคดีร่วมกันฆ่ายกครัว นายธนายศ คือนายธนกร สมบูรณ์ชัย อายุ 55 ปี และนายพงษ์พันธุ์ ศุภรัศมี อายุ 57 ปี เกี่ยวข้องในฐานะผู้ใช้จ้างวานตามหมายจับศาลอาญา ที่ จ.1600/2552 และ จ.1601/2552 ซึ่งสามารถตามจับกุมนายธนกร ได้ที่บ้านเลขที่ 225/41 หมู่ 13 ต.บ้านแหวน อ.หางดง จ.เชียงใหม่ ส่วน นายพงษ์พันธุ์ ตามจับกุมได้ที่บ้านเลขที่ 59/1 หมู่ 1 ต.หนองผึ้ง อ.สารภี จ.เชียงใหม่