'เบส-ชิงทองโคราช' สารภาพตกงาน-ไม่มีเงินใช้ ยังตามหาของกลางไม่ครบ

15 เมษายน 2565, 18:48น.


          ความคืบหน้าการจับกุมนายกิตติพงษ์ แพไธสง หรือ เบส อายุ 28 ปี ซึ่งใช้อาวุธปืนจี้ชิงทองคำหนัก 153 บาท มูลค่ากว่า 5 ล้านบาท ที่ร้านทองเยาวราชกรุงเทพ ในห้างโลตัส สาขา ถ.มิตรภาพ ใจกลางเมืองนครราชสีมา เมื่อบ่ายวันที่ 12 เมษายน ที่ผ่านมา และในช่วงเช้าวันนี้ (15 เม.ย.) ตำรวจติดตามจับกุมตัวได้ที่โรงแรมแห่งหนึ่งในจังหวัดชลบุรี จึงควบคุมตัวมาที่จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งในช่วงบ่าย พ.ต.อ.ประสิทธิ์ เปรมกมล ผู้กำกับการ สภ.เมืองนครราชสีมา ได้ควบคุมตัวไปทำแผนชี้จุดก่อเหตุที่ห้างสรรพสินค้า รวมถึงเส้นทางหลบหนี ผู้ต้องหาสารภาพว่าเป็นผู้ลงมือก่อเหตุชิงทองจริง สาเหตุเพราะตกงาน และไม่มีเงินใช้ ขณะนี้ตำรวจกำลังเร่งติดตามทองคำของกลางคืนมาให้ได้ทั้งหมด





          ส่วนชุดสืบสวน บก.สส.ภ.3 นำตัว น.ส.กรรณิกา (สงวนนามสกุล) อายุ 37 ปี ภรรยาของนายกิตติพงษ์ ไปตรวจยึดของกลางทองรูปพรรณรวม 28 เส้น ตามที่ยอมรับว่านายกิตติพงษ์ นำทองรูปพรรณนำไปซ่อนฝังดินภายในบ้านของพ่อแม่ แต่ไม่มีใครพักอาศัย หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวไปสอบปากคำเพิ่มเติมเพื่อหาทองรูปพรรณที่ยังหาไม่พบ และแจ้งข้อกล่าวหาตามกฎหมาย





          นอกจากนี้ ตำรวจสืบสวน สภ.พระทองคำ จ.นครราชสีมา ควบคุมตัว นายภูไท (สงวนนามสกุล) อายุ 32 ปี และนายจักรกฤษณ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 49 ปี อาชีพผู้รับเหมา มาสอบสวน ตามที่ได้รับแจ้งเหตุว่าทั้ง 2 คนนำสร้อยทองไปขายในราคาที่ถูกกว่าในท้องตลาดมาก นายภูไท รับสารภาพว่า เก็บสร้อยคำทองคำได้ 2 เส้นที่บริเวณถนนเลียบนคร เมื่อเวลาประมาณ 14.00 น. ของวันที่ 12 เมษายนที่ผ่านมา จึงติดต่อกับนายจักรกฤษณ์เพื่อนร่วมงาน ให้นำสร้อยทองที่เก็บได้ไปเสนอขายให้กับชาวบ้านในราคาเส้นละ 60,000 บาท



          ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประสานกับผู้จัดการร้านทองฯ ที่เกิดเหตุจี้ชิงทองให้มาตรวจสอบซึ่งพบว่า สร้อยทองทั้ง 2 เส้น น้ำหนักเส้นละ 3 บาท มีสภาพใหม่และมีตราสัญลักษณ์ตรงกับทองรูปพรรณของร้านที่ถูกคนร้ายจี้ชิงทองไป คาดว่าสร้อยทองเหล่านี้จะตกในระหว่างทางหลบหนี



          พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. เปิดเผยว่าคดีนี้ ชุดสืบสวนได้ติดตามแกะรอยจากกล้องวงจรปิดตามเส้นทางที่คาดใช้หลบหนี พบผู้ต้องหาขับรถจักรยานยนต์คันก่อเหตุนำถาดใส่ทองวางบนหน้าตักขาใช้ ถ.เลียบนคร เป็นเส้นทางหลบหนีมุ่งหน้าไปพื้นที่ ต.บ้านใหม่ อ.เมือง จึงได้ประสานผู้นำชุมชนจนทราบตัวผู้ต้องหาและเจ้าของรถ แต่ผู้ต้องหาหลบหนีไปกรุงเทพมหานคร และไปหาเพื่อนที่เคยต้องโทษในคดีเกี่ยวกับยาเสพติดและอยู่ในเรือนจำด้วยกัน โดยเปิดห้องพักที่โรงแรม ในอ.บางละมุง จ.ชลบุรี และถูกจับกุมตัวในช่วงเช้าที่ผ่านมา



          เจ้าหน้าที่สามารถติดตามตรวจยึดของกลางได้แก่



1.สร้อยคอทองคำ 28 เส้น น้ำหนัก 84 บาท ผู้ต้องหาให้น.ส.กรรณิกา อายุ 37 ปี ภรรยา นำของกลางใส่แก้วแล้วไปซ่อนฝังดินที่บ้านของพ่อแม่ ที่ ต.บ้านใหม่ อ.เมือง แต่ตอนนี้ไม่มีใครพักอาศัยอยู่



2.เงินสด 110,000 บาท จากตัวผู้ต้องหา



3.รถจักรยานยนต์



4.อาวุธปืนปลอม



5.เสื้อผ้าและเครื่องแต่งกาย



6. ป้ายทะเบียน งมจ 504 นครราชสีมา ซึ่งเป็นของรถที่ใช้ก่อเหตุ



7.ค้อน 1 อัน เพื่อใช้เตรียมทุบกระจก



          เจ้าหน้าที่ควบคุมตัวนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมือง นครราชสีมา ดำเนินคดีในข้อหาชิงทรัพย์โดยมีการทำด้วยประการอื่นเพื่อไม่ให้เห็นหรือจำหน้าได้ โดยมีอาวุธปืนโดยใช้ยานพาหนะ เพื่อการพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุม ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ทั้งเปิดเผยว่าเป็นชาว จ.หนองบัวลำภู เคยเป็นทหารเกณฑ์ ต่อมาได้ภรรยาเป็นชาว ต.บ้านใหม่ ช่วงโควิดตกงาน จึงหาเงินโดยชิงทรัพย์ วางแผนจะเดินทางไป จ.เชียงใหม่ และรอคำตอบการสมัครเป็นทหารอาสารับจ้างรบที่ประเทศยูเครน



          ซึ่งการติดตามของกลาง ผู้ต้องหาอ้างนำทองติดตัวไปในระหว่างหลบหนี 13 เส้น โดยให้เพื่อน 2 เส้น อีก 11 เส้นขายไปได้เงิน 20,000 บาท นอกจากนี้ในระหว่างขับรถหลบหนี ทำสร้อยคอตกหล่นระหว่างทาง 2 เส้น ส่วนที่เหลืออ้างนำไปขายตามสถานที่ต่างๆ และมีบางส่วนตกหล่น



….



กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 3



#จับคนร้ายชิงทอง



#นครราชสีมา

ข่าวทั้งหมด

X