นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ตามที่องค์การอนามัยโลกประกาศให้การระบาดของไวรัสฝีดาษลิง (Monkeypox) เป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ (Public Health Emergency of International Concern : PHEIC) กระทรวงสาธารณสุขมีการประชุมเพื่อเตรียมแนวทางตอบสนองต่อสถานการณ์ ทั้งด้านการเฝ้าระวังโรค การป้องกันและการดูแลรักษา ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีการเฝ้าระวังติดตามไทม์ไลน์ของผู้ติดเชื้อชาวไนจีเรีย ซึ่งปัจจุบันได้เดินทางออกจากประเทศไทยไปแล้ว รวมถึงได้ตรวจสอบผู้สัมผัสใกล้ชิดในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ยังไม่พบผู้ใดที่ติดเชื้อ จึงมอบให้ด่านควบคุมโรคทั่วประเทศประสานงานกับสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง เพิ่มความระมัดระวังบุคคลที่เดินทางมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยงเป็นพิเศษ ซึ่งประเทศไทยมีพื้นฐานของระบบเฝ้าระวังจากสถานการณ์โควิด-19 อยู่แล้ว ยังไม่จำเป็นต้องเพิ่มมาตรการจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศ
กระทรวงสาธารณสุข ยกระดับการเฝ้าระวังจากศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข (EOC) กรมควบคุมโรค เป็นศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข (EOC) กระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้การสั่งการเฝ้าระวังมีความครอบคลุมทั่วประเทศ
สำหรับวัคซีนโรคฝีดาษที่องค์การเภสัชกรรมได้เก็บรักษาไว้ตามมาตรฐานเมื่อประมาณ 40 ปีก่อน กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้นำมาทดสอบพบว่ายังมีคุณภาพดี หากมีความจำเป็นสามารถนำมาใช้ได้
ส่วนด้านการรักษาพยาบาล โรคนี้มียารักษาเฉพาะ แต่ส่วนใหญ่ผู้ป่วยจะหายได้เอง จึงใช้การรักษาตามอาการ ซึ่งสถานพยาบาลทุกแห่งสามารถให้การดูแลได้ ไม่จำเป็นต้องให้ผู้ป่วยอยู่ในห้องความดันลบ โดยวันพรุ่งนี้ (25 กรกฎาคม 2565) คณะกรรมการวิชาการฯ ซึ่งประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านระบาดวิทยาและผู้ทรงคุณวุฒิด้านการแพทย์และสาธารณสุข จะมีการประชุมหารือในรายละเอียดเกี่ยวกับมาตรการเฝ้าระวังป้องกันโรคตามแนวทางคำแนะนำขององค์การอนามัยโลกต่อไป
จึงขอประชาชนอย่าตื่นตระหนก เนื่องจากโรคฝีดาษลิงติดต่อกันได้ยากกว่าโรคโควิด-19 ส่วนใหญ่ติดเชื้อจากการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ที่มีอาการของโรค ซึ่งมีตุ่มน้ำใสหรือตุ่มหนองที่ผิวหนังตามตัว รวมทั้งการสัมผัสเมื่อมีเพศสัมพันธ์
***************************
#ฝีดาษลิง
กระทรวงสาธารณสุข