ไมโครนีเชีย ประเทศเล็กๆมีประชากรกว่า 100,000 คนในมหาสมุทรแปซิฟิก ทางตะวันออกเฉียงเหนือของปาปัวนิวกินี ไม่พบผู้ป่วยจากโรคโควิด-19 มาตลอด 2 ปี 6 เดือนที่ผ่านมา จนกระทั่งพบการระบาดครั้งแรกเมื่อสัปดาห์ก่อน อาจจะเป็นประเทศสุดท้ายของโลกที่พบการแพร่ระบาด สร้างความตื่นตระหนกให้กับสาธารณชนทั่วประเทศ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขของไมโครนีเชีย เปิดเผยว่า ไมโครนีเชียพบผู้ป่วยใหม่ 140 คนในรอบ 24 ชั่วโมง ทำให้ตัวเลขผู้ป่วยสะสมอยู่ที่ 1,261 คน เสียชีวิต 1 ราย(เป็นชายสูงอายุ) ขณะเดียวกัน รัฐบาลมีคำสั่งให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัยในสถานที่สาธารณะ รวมถึงสถานที่โล่งแจ้ง หรือนอกอาคารสาธารณะ คนที่ฝ่าฝืนจะถูกปรับ 1,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ
เจ้าหน้าที่สาธารณสุขของไมโครนีเชีย กล่าวว่า สมาชิกสภานิติบัญญัติและเจ้าหน้าที่ระดับสูงหลายคนติดโรคโควิด-19 รวมทั้งรองประธานาธิบดีโยซิโว พี.จอร์จ ซึ่งเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล ขณะนี้อาการเริ่มดีขึ้นโดยลำดับ
ด้านนางคามิลเล โมวิค เจ้าของร้านอาหารแห่งหนึ่งในรัฐโปนเปย์ (Pohnpei State) เปิดเผยว่า ชาวบ้านหลายคนโพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊ก ขอร้องให้คนอื่นๆอย่าเข้ามาใกล้บ้านเรือนของพวกเขา หวั่นเกรงจะเข้ามาแพร่เชื้อไวรัส ระบุว่าในช่วงแรกๆที่ทราบข่าวการแพร่ระบาด ชาวบ้านส่วนใหญ่รู้สึกตกใจและหวั่นวิตกว่าคนอื่นๆอาจจะแพร่เชื้อไวรัสมาสู่พวกเขา
นางโมวิค กล่าวว่า ร้านอาหารของเธอยังคงเปิดให้บริการ แม้ว่ามีลูกค้าไม่มาก เนื่องจาก คนส่วนใหญ่หวั่นเกรงการระบาดของโรคโควิด-19 ไม่กล้าเข้ามานั่งรับประทานอาหารในร้าน แต่ร้านอาหารอื่นๆเปิดเฉพาะบริการแบบให้ลูกค้าซื้ออาหารไปรับประทานที่บ้าน ไม่อนุญาตให้ลูกค้าเข้ามานั่งรับประทานอาหารในร้าน
ก่อนหน้านี้ ไมโครนีเชีย พบการระบาดในชุมชนครั้งแรกเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากเจ้าหน้าที่สาธารณสุขท้องถิ่นไม่ได้จัดโครงการตรวจโรคโควิด-19 ให้กับประชาชนมาสักระยะหนึ่งแล้ว ทั้งนี้ ในปีที่แล้ว ไมโครนีเชีย เป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศของโลกที่ออกคำสั่งบังคับให้ประชาชนทุกคนไปรับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แต่มีหลายคนยังไม่ไปรับวัคซีน จนถึงสัปดาห์นี้ ร้อยละ 75 ของประชากรอายุ 5 ปีขึ้นไปรับวัคซีนครบสองเข็ม
#ไมโครนีเชีย
#ระบาดระลอกแรก