นายแอนดี เบเชียร์ ผู้ว่าการรัฐเคนทักกี ทางภาคตะวันออกของสหรัฐฯ เปิดเผยว่า มีคนเสียชีวิต 37 ราย หลังฝนตกหนักมาตั้งแต่วันอาทิตย์ที่แล้วปริมาณน้ำฝนสะสมกว่า 4 นิ้ว(หรือ 10.2 เซนติเมตร) น้ำท่วมในหลายท้องที่ของรัฐเคนทักกี คาดว่า ตัวเลขผู้เสียชีวิตอาจเพิ่มขึ้น หลังมีผู้สูญหายอีกหลายร้อยคน สำหรับผู้เสียชีวิต รวมถึงเด็ก 4 รายเป็นญาติกัน อายุ 1-8 ขวบในเขตน็อตต์ เคาน์ตี เนื่องจากรถที่ดัดแปลงเป็นบ้านพัก(trailer home)ถูกกระแสน้ำซัดพลิกคว่ำจมไปกับน้ำ นับเป็นเหตุน้ำท่วมครั้งร้ายแรงที่สุดในรัฐเคนทักกีในรอบหลายปี
นายเบเชียร์ ซึ่งลงพื้นที่ตรวจความเสียหายในพื้นที่น้ำท่วมเมื่อวันหยุดสุดสัปดาห์ที่แล้ว ระบุว่า เขาเห็นบ้านเรือนบางแห่งถูกกระแสน้ำซัดเสียหาย และมีอาคารเรียนบางแห่งเสียหาย ส่วนความเสียหายอื่นๆเช่น บ้านเรือนและธุรกิจหลายร้อยหลังถูกน้ำท่วม บ้านเรือนกว่า 12,000 หลังไม่มีไฟฟ้ากระแสไฟฟ้าใช้ ถนน สะพานและสาธารณูปโภคอื่นๆได้รับความเสียหาย ซึ่งอาจจะใช้งบประมาณหลายร้อยล้านดอลลาร์ในการซ่อมแซม ขณะเดียวกัน ประชาชนราว 300 คนไปพักยังศูนย์พักพิงชั่วคราวในสวนสาธารณะของรัฐ โบสถ์และบ้านพักชั่วคราว
นอกจากนี้ ยังมีรายงานการปล้นสะดมร้านค้ารวม 18 ครั้งในพื้นที่ประสบภัย ทำให้รัฐบาลท้องถิ่นประกาศมาตรการห้ามประชาชนใน 2 พื้นที่ คือ บรีทิทท์ เคาน์ตี และเมืองฮินด์แมน ซึ่งอยู่ใกล้กัน ออกจากบ้านตั้งแต่เวลา 22.00 น.-เวลา 06.00 น. มีผลจากวันนี้ไปจนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง ยกเว้นรถกู้ภัย แพทย์ฉุกเฉิน และคนที่มีความจำเป็นในการเดินทางไปทำงาน ด้านประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐฯ ประกาศให้รัฐเคนทักกี เป็นพื้นที่ภัยพิบัติน้ำท่วม พร้อมทั้งมีคำสั่งให้หน่วยงานของรัฐบาลกลางช่วยเหลือด้านงบประมาณแก่รัฐบาลท้องถิ่น
#สหรัฐฯ
#น้ำท่วม