กลุ่มอาเซียน เสนอเปิดเวทีไกล่เกลี่ย ข้อขัดแย้ง สหรัฐฯ-จีน กรณีไต้หวัน

          การเยือนไต้หวันของนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ครั้งแรกในรอบ 25 ปีที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯไปเยือนไต้หวัน สร้างความไม่พอใจให้กับประเทศจีน ซึ่งเริ่มทำการซ้อมรบทางทหารระหว่างวันนี้จนถึงวันอาทิตย์นี้ โดยใช้กระสุนจริงและยิงขีปนาวุธ 11 ลูกในวันนี้ สื่อของทางการจีน รายงานว่า นายหวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ซึ่งมาร่วมประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศกับกลุ่มอาเซียนในกรุงพนมเปญ กัมพูชา ไม่มีแผนการพบกับนายแอนโทนี บลิงเกน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ นอกจากนี้ นายหวัง ยังยกเลิกแผนพบกับรัฐมนตรีต่างประเทศญี่ปุ่นในกรุงพนมเปญ ด้วยเหตุผลที่จีนไม่พอใจแถลงการณ์ร่วมของกลุ่ม 7 ชาติอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก(กลุ่มจี-7) ซึ่งญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในสมาชิก กรณีเสนอแนะให้ประเทศจีนแก้ไขปัญหาพิพาทกับไต้หวันอย่างสันติ

          รัฐมนตรีต่างประเทศจากกลุ่มอาเซียน ซึ่งอยู่ระหว่างประชุมกันในกรุงพนมเปญ ระบุในแถลงการณ์ว่า อาเซียนรู้สึกเป็นกังวลเรื่องสถานการณ์ความตึงเครียดเกี่ยวกับไต้หวัน ระหว่างสหรัฐฯกับประเทศจีน หลังการเยือนไต้หวันของนางเพโลซี เมื่อวันอังคารและวันพุธ ซึ่งอาจจะนำไปสู่การประเมินสถานการณ์ที่ผิดพลาด จนกระทั่งเกิดการเผชิญหน้าหรือการปะทะทางทหารอย่างเปิดเผยระหว่างสหรัฐฯกับจีน ซึ่งอาจจะเกิดผลกระทบอย่างร้ายแรงอย่างไม่อาจคาดการณ์ได้

           ทั้งนี้ กลุ่มอาเซียนได้จัดประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศในกัมพูชาในวันนี้ โดยมีรัฐมนตรีต่างประเทศจาก 27 ประเทศร่วมประชุม ระบุว่า อาเซียนพร้อมจะเข้ามามีบทบาทในการช่วยประสานให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมการเจรจาเพื่อคลี่คลายปัญหาพิพาทอย่างสันติ พร้อมทั้งขอให้ทุกฝ่ายใช้ความอดกลั้น ไม่ยั่วยุให้สถานการณ์แย่ลงกว่าเดิม ที่ผ่านมา กลุ่มอาเซียนพยายามจะดำเนินการอย่างรอบคอบ เพื่อถ่วงดุลในด้านความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ และเลี่ยงการดำเนินการต่างๆในลักษณะที่ไม่สร้างความไม่สบายใจให้กับมหาอำนาจทั้งสอง

          ด้านรัฐมนตรีต่างประเทศจีน ซึ่งเข้าร่วมประชุมกับรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนในกรุงพนมเปญด้วย กล่าวถึงการเยือนไต้หวันของนายเพโลซีว่า มุ่งสร้างกระแส ขาดความรับผิดชอบและไร้เหตุผลโดยสิ้นเชิง ด้านรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวต่อที่ประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนว่า เขาทราบดีว่า ปัญหาเรื่องไต้หวันเป็นประเด็นที่ทุกคนให้ความสนใจ พร้อมย้ำว่า จุดยืนสหรัฐฯในเรื่องจีนและไต้หวันไม่ได้เปลี่ยนแปลงจากเดิม

          นายบลิงเกน กล่าวว่า สหรัฐฯยังคงให้ความสำคัญต่อเรื่องสันติภาพและความมั่นคงในบริเวณช่องแคบไต้หวัน พร้อมทั้งคัดค้านความพยายามโดยฝ่ายเดียวของจีนในการผลักดันให้มีการเปลี่ยนระบอบปกครองของไต้หวันให้แตกต่างจากระบอบประชาธิปไตยในปัจจุบัน โดยเฉพาะการใช้กำลังทหารกดดันไต้หวัน ระบุว่าสหรัฐฯเชื่อว่า การยกระดับความตึงเครียดในช่องแคบไต้หวันเช่น การซ้อมรบ ไม่เกิดประโยชน์แก่ฝ่ายใด รวมทั้งอาเซียนและจีน

#อาเซียน

#ช่องแคบไต้หวัน

#ผลจากการเยือนของเพโลซี