แอมเนสตี้ สากล (Amnesty International) เตือนว่า กองทัพยูเครน ทำให้ประชาชนตกอยู่ในอันตราย เนื่องจากการตั้งค่ายพัก และมีการตั้งฐานโจมตีรัสเซียจากเขตชุมชน โรงพยาบาลและโรงเรียน ซึ่งสอดคล้องกับรายงานของกลุ่มสิทธิมนุษยชน (Human Rights Watch) ที่มีการเผยแพร่เมื่อเดือนที่แล้ว (ก.ค.) ว่ายูเครนตั้งฐานทัพอยู่ในเขตที่พักอาศัยพลเรือน
ในรายงานของแอมเนสตี้ ระบุว่า มีหลักฐานที่ชัดเจนว่าในช่วงระหว่างเดือนเมษายนถึงกรกฎาคม กองทัพยูเครนมีการตั้งค่ายพักและโจมตีจากภายในเขตที่พักอาศัยที่ยังมีประชากรอาศัยอยู่ใน 19 เมืองและหมู่บ้าน โดยมีลักษณะของฐานทัพโดยพฤตินัยในโรงพยาบาล 5 แห่ง และในโรงเรียน 22 แห่ง ในภูมิภาคดอนบาส คาร์คิฟ และมือกอลายิว
แม้ว่าโรงเรียนในยูเครนจะปิดลงตั้งแต่รัสเซียบุกรุกเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ แต่ส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในเขตที่อยู่อาศัย
นางแอกเนส คัลลามาร์ด เลขาธิการของแอมเนสตี้ กล่าวว่ากลยุทธ์ของยูเครนเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศและเป็นอันตรายต่อพลเรือน เนื่องจากเป็นการเปลี่ยนพื้นที่พลเรือนให้กลายเป็นเป้าหมายทางทหาร ซึ่งพบว่ากองทัพรัสเซียโจมตีโรงเรียนหลายแห่งที่เป็นฐานของกองทัพยูเครน นอกจากนี้ ยังพบว่า พื้นที่ที่ทหารยูเครนพักอยู่ ยังห่างจากแนวหน้าของสงครามหลายกิโลเมตร ซึ่งหมายถึงการที่พวกเขามีทางเลือกอื่นที่เป็นไปได้ เช่น พื้นที่ป่าทึบในบริเวณใกล้เคียง ซึ่งจะไม่เป็นอันตรายต่อพลเรือน นอกจากนี้ ปฏิบัติการของกองทัพยูเครนในการค้นหาเป้าหมายทางทหารภายในพื้นที่ชุมชนยังไม่มีความสมเหตุสมผล
ทั้งนี้ รัสเซียถูกกล่าวหาว่ากำหนดเป้าหมายโจมตีพลเรือนยูเครน ทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก และสร้างความเสียหายต่อโครงสร้างพื้นฐานของยูเครน ส่งผลให้ชาวยูเครนหลายล้านคนต้องละทิ้งบ้านเรือน
ด้านทางการยูเครน ปฏิเสธรายงานของแอมเนสตี้ ทั้งวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นการนำเสนอรายงานที่ไม่ยุติธรรม นายดมีโทร คูเลบา รัฐมนตรีการต่างประเทศยูเครน กล่าวในวิดีโอที่โพสต์บนเฟซบุ๊ก ว่า รายงานของแอมเนสตี้ไม่มีความเป็นกลาง ไม่มีการแยกแยะระหว่างผู้กระทำความผิดกับเหยื่อ ระหว่างประเทศที่ทำลายพลเรือน เมือง ดินแดน กับประเทศที่ปกป้องตนเองอย่างสิ้นหวัง
ส่วนนายมิไคโล โปโดลยัค ผู้ช่วยระดับสูงของประธานาธิบดี โวโลดิมีร์ เซเลนสกี กล่าวว่า การปกป้องชีวิตพลเรือนเป็นภารกิจที่มีความสำคัญลำดับแรกสำหรับยูเครน และมีการดำเนินความพยายามในการอพยพผู้ที่ไม่ใช่นักรบออกจากพื้นที่แนวหน้า ทั้งยืนยันว่า สิ่งที่คุกคามชาวยูเครนคือกองทัพรัสเซีย ทั้งกล่าวหาแอมเนสตี้ว่ามีส่วนร่วมในการรณรงค์บิดเบือนและโฆษณาชวนเชื่อของรัสเซีย เพื่อสร้างความเสื่อมเสียต่อกองทัพยูเครนและกีดกันผู้สนับสนุน ไม่ให้จัดหาอาวุธให้แก่ยูเครน
ที่ผ่านมารัสเซียเคยมีการชี้แจงหลายครั้งว่ากองทัพยูเครนเข้ายึดพื้นที่ในเขตพลเรือน ซึ่งนางมาเรีย ซาคาโรวา โฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย ระบุว่า รัสเซียพูดถึงเรื่องนี้มาแล้วหลายครั้ง และเรียกร้องให้กองทัพรวมถึงกองกำลังติดอาวุธของยูเครนยุติใช้ยุทธวิธีใช้พลเรือนเป็นโล่มนุษย์
...
#แอมเนสตี้สากล
#ยูเครน