+++การจัดกิจกรรมรับวันแรงงานแห่งชาติ 1พ.ค. นายจีรศักดิ์ สุคนธชาติ ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า การจัดงานในปีนี้ จัดโดยสภาองค์การลูกจ้างสภาแรงงานอุตสาหกรรมเอกชน จัดกิจกรรมใน 2 จุด คือ ลานพระบรมรูปทรงม้า และท้องสนามหลวง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มอบให้กระทรวงแรงงานร่วมกับผู้จัดงานดำเนินการทั้งหมด คณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย และสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ จัดงานวันแรงงานสากลขึ้นที่บริเวณหน้ารัฐสภา ซึ่งจะจัดขบวนที่พระบรมรูปทรงม้าในเวลา 08.00 น. และเคลื่อนไปยังรัฐสภาในเวลา 10.00 น. โดยจะมีการประกาศเจตนารมณ์ข้อเรียกร้องต่อสาธารณะ
+++ด้าน น.ส.วิไลวรรณ แซ่เตีย รองประธานคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย (คสรท.) กล่าวว่า อยากให้รัฐบาลทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อปี 2554 ที่ให้คงค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทจนถึงปี 2558 ซึ่งเป็นข้อเรียกร้องวันแรงงานตั้งแต่ปี 2556 เนื่องจากค่าครองชีพในปัจจุบันเพิ่มสูงขึ้น และมองว่าปัจจุบันแรงงานไทยส่วนใหญ่ยังคงถูกละเมิดสิทธิ ไม่ได้รับความเป็นธรรมในเรื่องต่างๆ ทั้งค่าจ้าง ค่าโอที รวมถึงการเข้าถึงสิทธิประโยชน์กองทุนเงินทดแทนและประกันสังคม
+++ความเคลื่อนไหวทางการเมือง ชัดเจนแล้วสำหรับการนัดชุมนุมของกลุ่มกปปส. และ นปช. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ย้ำไม่เจรจากับรัฐบาล เดินหน้าปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง ชี้ไม่เชื่อถือพรรคการเมือง ประกาศการต่อสู้ขั้นสุดท้าย 3 ขั้น ได้แก่ ทำพิธีตั้งสัตยาธิษฐาน ทำความดีให้แผ่นดิน โดยสวมเสื้อสีเหลืองรวมตัวหน้าวัดพระแก้ว สนามหลวง เวลา 17.00 น.วันที่ 5 พ.ค. รวมถึงทำบุญประเทศครั้งใหญ่วันที่ 13 พ.ค. และตั้งแต่วันที่ 14 พ.ค.เป็นต้นไป ปฏิบัติการใหญ่เรียกคืนอำนาจอธิปไตย ขณะที่ วันนี้ กลุ่มกปปส.จะเคลื่อนไหวเดินรณรงค์ร่วมกับกลุ่มผู้ใช้แรงงานด้วย
+++ด้านนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. ปราศรัยเวที จ.อุตรดิตถ์ ประกาศเลื่อนการชุมนุมใหญ่ของ นปช.ถนนอักษะ เป็นวันที่ 5 พ.ค.นี้ จากเดิมกำหนดวันที่ 6 พ.ค. เพื่อให้การชุมนุมตรงกับวันชุมนุมของกลุ่ม กปปส. ขณะที่ นปช.จัดคิวนัดรวมพลในกทม.เริ่มตั้งแต่วันนี้ และวันพรุ่งนี้ ในหลายพื้นที่ เช่น พื้นที่เขตคันนายาว, มีนบุรี, คลองสามวา, หนองจอก, ลาดกระบัง, สะพานสูง สถานที่จัดงานวัดบำเพ็ญเหนือ เขตมีน เขตวังทองหลาง, ลาดพร้าว, บางกะปิ, บึงกุ่ม สถานที่จัดงานวัดลาดพร้าว เป็นต้น
+++การดำเนินคดีกับแกนนำกปปส.นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยว่า เวลา 14.00 น.จะนำสำนวนการสอบสวนที่มีความเห็นสั่งฟ้อง นายสุเทพ พร้อมแกนนำ กปปส. คนอื่นๆ ชุดแรก จำนวน58คน เช่น นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย, นายชุมพล จุลใส, นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์, นายอิสสระ สมชัย, นายวิทยา แก้วภราดัย, นายถาวร เสนเนียม, นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ, นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์, นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก, นายนิติธร ล้ำเหลือ, นายอุทัย ยอดมณี ,นายถวิล เปลี่ยนศรี, พระพุทธะอิสระ เป็นต้น โดยมีสำนวนคดีทั้งหมด 300 แฟ้มคดี ไปส่งมอบให้กับอธิบดีอัยการคดีพิเศษ และคาดว่า พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ จะมีคำสั่งทางคดีและฟ้องผู้กระทำผิดได้ภายในวันที่ 8-10 พ.ค. ซึ่งจะเป็นวันครบกำหนดฝากขังครั้งสุดท้ายของผู้ต้องหาบางคน ในข้อหาความผิดร่วมกันเป็นกบฎ /ร่วมกันยุยงให้ประชาชนร่วมกันขัดขวางการเลือกตั้ง/ร่วมกันบุกรุกสถานที่ราชการ และในฐานความผิดอื่นๆ
+++คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) และรัฐบาล เห็นตรงกันจะจัดการเลือกตั้งส.ส.ครั้งใหม่ ในวันที่ 20 ก.ค. นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการกกต. แถลงว่า ในวันที่ 6 พ.ค.กกต.จะไปยกร่าง พ.ร.ฎ.แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อให้ความเห็นชอบ คาดว่า สัปดาห์หน้าจะเสนอเข้าที่ประชุม ครม.ได้ คาดว่า พ.ร.ฎ.จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 20 พ.ค. เพื่อให้มีการเลือกตั้ง ใน 60 วัน ซึ่งครบ 60 วันในวันที่ 20 ก.ค.พอดี
+++นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลเห็นว่าวันที่ 20ก.ค.เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม เนื่องจาก กกต.จะมีเวลาแก้ไขกฎระเบียบการเลือกตั้งบางส่วนได้ ส่วนข้อกังวลที่ทางศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยสถานะนายกรัฐมนตรีและ ครม.ให้พ้นจากตำแหน่ง จากกรณีโยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เชื่อว่าจะไม่เกิดอุบัติเหตุทางการเมืองขึ้นกับนายกรัฐมนตรี ซึ่งนายกรัฐมนตรี มีความมั่นใจต่อหลักฐานและคำชี้แจงที่ส่งไปยังศาลรัฐธรรมนูญ ยังไม่มีการวางตัวนายกรัฐมนตรีสำรอง เนื่องจากเชื่อว่านายกรัฐมนตรีจะปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้ เช่นเดียวกับกระแสข่าวที่วางตัวให้ตนเองเป็นนายกรัฐมนตรี ก็ยังไม่มีการพูดคุยเรื่องนี้เช่นกัน
+++ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เดินสายพบกับหลายฝ่าย เสนอทางเลือกที่จะเป็นทางออกของประเทศในการแก้ไขวิกฤติการเมือง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า หลังจากนี้จะสรุปข้อเสนอต่อสาธารณะและเสนอให้ กปปส. และรัฐบาลพิจารณาซึ่งกำลังดูรูปแบบที่เหมาะสมว่าจะต้องไปเจรจากับ กปปส.และรัฐบาลหรือไม่โดยเชื่อว่าจะทำได้เสร็จภายใน 2 วันนี้ ยืนยันว่าการทำงานไม่มีการประวิงเวลา และฝากถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่เคยพูดว่าจะให้โอกาสหาทางออกประเทศจึงอยากให้ปฏิบัติตามที่พูดด้วย อย่าปิดทางเลือกประชาชนอยากให้พิจารณาข้อเสนอก่อนที่จะตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่ง การทำงานครั้งนี้ ไม่ได้เป็นตัวกลางเจรจากับฝ่ายใดทั้งสิ้นแต่เดินสายเพื่อดึงจุดร่วม ของฝ่ายต่าง ๆ ออกมาเป็นทางเลือกให้กับประชาชน และไม่เคยร้องขอให้ กปปส.หยุดเคลื่อนไหวเพราะทุกคนมีสิทธิเคลื่อนไหวตามรัฐธรรมนูญได้เต็มที่
+++นายคณิน บุญสุวรรณ คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย แถลงว่า การที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ชี้มูล ส.ว.36 คน จากกรณีแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มาของ ส.ว. แสดงให้เห็นว่า ป.ป.ช. ละเมิดเอกสิทธิ์โดยเด็ดขาดของ ส.ว.ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 130 วรรคแรกที่บัญญัติว่าที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่ประชุมวุฒิสภาหรือที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา การออกเสียงลงคะแนนของสมาชิกย่อมเป็นเอกสิทธิ์โดยเด็ดขาดผู้ใดจะนำไปเป็นเหตุฟ้องร้องว่ากล่าวสมาชิกผู้นั้นในทางใดมิได้ และเห็นว่า 36 ส.ว.สามารถแจ้งความเอาผิดทางอาญากับ ป.ป.ช.ที่กองปราบปรามหรือ ดีเอสไอได้ และเมื่อมีสภาผู้แทนราษฎรเปิดได้ ส.ส.จะดำเนินการเข้าชื่อเพื่อร้องต่อวุฒิสภาเพื่อให้วุฒิสภามีมติให้ ป.ป.ช.พ้นจากตำแหน่งในเรื่องนี้ได้
+++นายวิชาญ ศิริชัยเอกวัฒน์ ส.ว.สรรหา กล่าวถึงการเลือกประธานวุฒิสภาว่า ขณะนี้เท่าที่ทราบมีรายชื่อ ส.ว.ที่เป็นแคนดิเดตลงแข่งประธานวุฒิสภาจำนวน 4 คนคือ นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานวุฒิสภา นายจองชัย เที่ยงธรรม ส.ว.สุพรรณบุรี นายศรีเมือง เจริญศิริ ส.ว.มหาสารคาม และ พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ ส.ว.สรรหา
+++พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ปลัดกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า มีเว็บไซต์ของหน่วยงานทหารซึ่งเป็นหน่วยย่อยในเหล่าทัพจำนวนประมาณ 5 หน่วยก็โดนโจมตีเช่นเดียวกัน โดยมีการนำรูปที่ไม่เหมาะสมนำมาใส่แทน ทั้งนี้ มีการตรวจสอบพบว่า คนที่ทำอยู่ในต่างประเทศ ส่วนจะเป็นประเทศในตะวันออกกลางหรือไม่ ไม่ขอตอบ เมื่อถามว่า คนที่โจมตีเกี่ยวข้องกับการเมืองในประเทศ หรือกลุ่มก่อการร้ายหรือไม่ พล.อ.นิพัทธ์ กล่าวว่า เท่าที่ตรวจสอบแล้ว ไม่มีความเกี่ยวข้องกัน แต่เป็นพวกที่ลองวิชา มีความเชี่ยวชาญด้านนี้ จึงพยายามเจาะเข้าไปที่เว็บไซต์ทุกประเทศ โดยเฉพาะหน่วยงานราชการ รวมถึงหน่วยทหาร เพื่อดูว่าหน่วยงานใดที่สามารถเจาะเข้าไปได้บ้าง เหมือนเป็นเรื่องที่ท้าทายของคนกลุ่มนี้ อย่างไรก็ตาม ที่ทุกส่วนราชการต้องป้องกัน โดยหาเครื่องมือหรือระบบในการไม่ให้แฮกเกอร์เหล่านี้บุกรุกเข้ามาได้