*ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้เวลา08.30น.*

+++ความเคลื่อนไหวทางด้านเศรษฐกิจ นายชิษณุพงศ์ รุ่งโรจน์งามเจริญ นายกสมาคมผู้ค้าแก๊สปิโตรเลียมเหลวหรือแอลพีจี(ก๊าซหุงต้ม) กล่าวว่า วันที่ 1 พ.ค. ราคาแอลพี จีภาคครัวเรือนจะปรับขึ้นอีกกิโลกรัม(กก.)ละ 50 สตางค์ซึ่งจะส่งผลให้ราคาแอลพีจีครัวเรือนมีการปรับขึ้นแล้วรวม 4.50 บาทต่อ กก. โดยราคาแอลพีจีภาคครัวเรือนจะอยู่ที่ 22.63 บาทต่อกก. ขณะที่ราคาแอลพีจีภาคขนส่งยังคงตรึงอยู่ที่ 21.38 บาทต่อกก. ทำให้ราคาแอลพีจีครัวเรือนสูงกว่าขนส่งถึง 1.25 บาทต่อกก.

+++นายดิเรก ลาวัณย์ศิริ ประธานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(กกพ.) หรือ เรกูเลเตอร์ เปิดเผยว่าเรกูเลเตอร์ได้พิจารณาปรับขึ้นค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ(เอฟที)ประจำงวดเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม อีก 10 สตางค์ต่อหน่วย ทำให้ค่าเอฟทีโดยรวมในช่วงดังกล่าวปรับขึ้นมาอยู่ที่ 69 สตางค์ต่อหน่วย และเมื่อรวมกับค่าไฟฟ้าฐานอีก 3.27 บาทต่อหน่วย จะทำให้ค่าไฟฟ้าโดยรวมของประชาชนอยู่ที่ 3.96บาทต่อหน่วย นายดิเรก กล่าวว่า การที่ค่าเอฟทีขยับสูงขึ้นในครั้งนี้ เกิดจากปัจจัยหลายอย่าง ได้แก่ เงินบาทอ่อนค่าลง 0.12 บาทต่อดอลล่าร์ จาก 32.21 บาทต่อดอลล่าร์ เป็น 32.33 บาทต่อดอลล่าร์ รวมทั้งการผลิตไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติเพิ่มขึ้นเป็น 2,003 ล้านหน่วยจาก38,652 ล้านหน่วย เป็น 40,656 ล้านหน่วย เพื่อรองรับความต้องการไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับราคาก๊าซเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 9.11 บาทต่อล้านบีทียู จาก 316.88บาทต่อล้านบีทียู เป็น 325.99 บาทต่อล้านบีทียูเพื่อรองรับความต้องการไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับราคาก๊าซเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 9.11 บาทต่อล้านบีทียู จาก 316.88บาทต่อล้านบีทียู เป็น 325.99 บาทต่อล้านบีทียู สำหรับแนวโน้มค่าเอฟทีงวดเดือนกันยายน-ธันวาคม 2557 ยังคงมีทิศทางปรับขึ้น เนื่องจากแนวโน้มการใช้ก๊าซธรรมชาติเหลว(แอลเอ็นจี)ที่นำเข้าจากต่างประเทศมาผลิตไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้นตามความต้องการใช้ไฟฟ้าของไทยและหากรัฐบาลยังไม่สามารถปรับเปลี่ยนเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าจากก๊าซเป็นเชื้อเพลิงอื่นที่มีต้นทุนถูกกว่าได้ ในอีก 10 ปีข้างหน้าค่าไฟฟ้าอาจจะสูงขึ้นเป็น 5 บาทต่อหน่วยได้

+++รายงานข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า จากการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจในเดือน มี.ค.  พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจยังต่ำกว่า 50 ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 9 โดยอยู่ที่ระดับ 49.4 สะท้อนว่าความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการทั้งในภาคอุตสาหกรรมและไม่ใช่ภาคอุตสาหกรรมยังเปราะบาง ขณะที่ข้อจำกัดในการดำเนินธุรกิจ 5 อันดับแรก คือ ความไม่แน่นอนของสถานการณ์ทางด้านการเมือง การปรับราคาสินค้าทำได้ยาก ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจ ต้นทุน การผลิตปรับตัวสูงขึ้น และการแข่งขันที่รุนแรงจากตลาดในประเทศ  ส่วนแนวโน้มดัชนีความเชื่อมั่นในอีก 3 เดือนข้างหน้า พบว่า ผู้ประกอบการทั้งภาคอุตสาหกรรมและภาคที่ไม่ใช่อุตสาหกรรมต่างประเมินเหมือนกันว่า มีแนวโน้มใกล้เคียงกับปัจจุบัน สะท้อนว่าในอนาคตความกังวลและความเชื่อมั่น ต่าง ๆ ในประเทศยังคงมีอยู่ต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งจากความไม่แน่นอนของสถานการณ์เศรษฐกิจและการเมืองในระยะต่อไปยังไม่มีทิศทางที่ชัดเจน

 +++นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า  ฐานะการคลังของรัฐบาลตามระบบกระแสเงินสดช่วงครึ่งแรกของปีงบประมาณ2557 รัฐบาลมีรายได้นำส่งคลังทั้งสิ้น 9 แสน 23,782 ล้านบาท ต่ำกว่าปีก่อน 55,101 ล้านบาท หรือร้อยละ 5.6 เพราะจัดเก็บภาษีสรรพสามิตรถยนต์ได้ต่ำกว่าปีก่อน  เพราะความต้องการลดลงจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และส่งมอบรถยนต์ตามโครงการรถคันแรกได้เกือบครบแล้ว แม้การนำส่งรายได้รัฐบาลในช่วงครึ่งปีแรกจะเริ่มได้รับผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง แต่เงินคงคลังที่ยังอยู่ในระดับที่สูงกว่า 2 แสนล้านบาท จะเป็นปัจจัยหนุนเศรษฐกิจผ่านการเบิกจ่ายตลอดช่วงที่เหลือของปี

+++การช่วยเหลือธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(เอสเอ็มอี) นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ในวันที่ 6 พ.ค.จะนำปัญหาของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเข้าหารือในที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เพื่อให้การช่วยเหลือโดยเฉพาะการช่วยเหลือเรื่องสภาพคล่องให้กับเอสเอ็มอี  ผลจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวจากปัญหาการเมืองในประเทศกระทบต่อกลุ่มผู้ประกอบการมากที่สุด ซึ่งถ้าปล่อยไว้ไม่ดำเนินการอะไรเลย ขณะที่ความวุ่นวายทางการเมืองยืดเยื้อไปอีก 6 เดือน จะกระทบกับเอสเอ็มอีอีกเป็น 1 แสนราย อย่างไรก็ตาม หากเป็นไปได้อยากให้ปัญหาการเมืองจบเร็วที่สุดและเร่งให้มีการเลือกตั้งเพื่อมีรัฐบาลเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจโดยใช้งบประมาณลงทุนภาครัฐ จะเป็นแนวทางกระตุ้นเศรษฐกิจได้ดีที่สุด

+++สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือบอร์ดบีโอไอ จะประชุมเป็นครั้งแรกหลังจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ลงนามแต่งตั้งบอร์ดชุดใหม่แทนชุดเดิมที่หมดวาระตั้งแต่เดือน ต.ค. 2556 โดยการประชุมครั้งนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะร่วมประชุมด้วย โดยวาระที่บอร์ดบีโอไอต้องเร่งพิจารณาคือ โครงการลงทุนที่เอกชนยื่นขอรับการส่งเสริมฯรอการอนุมัติอยู่กว่า 400 โครงการมูลค่ารวม 6.6 แสนล้านบาท

+++กระทรวงพาณิชย์ จะแถลงตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปหรือเงินเฟ้อ เดือนเม.ย. 2557 ซึ่งต้องจับตาอัตราเงินเฟ้อขยายตัวสูงขึ้นในกรอบร้อยละ 2-2.5 ตามราคาดัชนีในหมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ที่มีราคาเพิ่มขึ้นจากสถานการณ์ภัยแล้ง ทำให้ผักและผลไม้รวมทั้งเนื้อสัตว์มีราคาเพิ่มขึ้น

 +++หลังจากที่ที่ประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ(ก.ตร.)มีมติเห็นชอบแต่งตั้งโยกย้าย ตามที่คณะกรรมการคัดเลือก หรือ บอร์ดกลั่นกรอง เสนอให้ พลตำรวจโท จงเจตน์ อาวเจนพงษ์ นายแพทย์ใหญ่ (สบ 8) ขึ้นเป็น ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แล้วเสนอให้ พลตำรวจตรี ณรงค์ศักดิ์ เสาวคนธ์ รองนายแพทย์ใหญ่ (สบ7) ขึ้นเป็นแพทย์ใหญ่ (สบ8) แทน ขณะเดียวกัน ให้ พลตำรวจโท คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล สลับตำแหน่งกับ พลตำรวจโท สุเทพ เดชรักษา ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ซึ่งหลังจากนี้ จะต้องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) รับทราบ ก่อนเสนอขึ้นโปรดเกล้าฯ อีกครั้ง ส่วนกรณีที่ ก.ตร. มีการแสดงความเห็นถึงความเหมาะสมในการวางตัวผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พลตำรวจเอกอดุลย์  แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) ยืนยันว่า การโยกย้ายเป็นไป เพื่อความเหมาะสมกับสถานการณ์ ลดการเผชิญหน้า ซึ่ง พลตำรวจโทสุเทพ ปฏิบัติหน้าที่มานาน มีความเป็นผู้นำ อีกทั้ง บุคคลิกเป็นคนนุ่มนวล เป็นนักประสานงานที่ดี เชื่อว่า การมาดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจนครบาล น่าปรับตัวและการทำงานได้ ส่วน พลตำรวจโทคำรณวิทย์ จะได้พักผ่อนด้วย

+++เจ้าหน้าที่ตำรวจประสานขอดูกล้องวงจรปิด ติดตามเหตุยิงกันในสนามแข่งรถ คลอง5 บ.บางกอก  แดร็ก  อเวนิว  จำกัด.คลองหลวง  ปทุมธานี   โดยมีรถได้รับความเสียหาย2คันจากกระสุนปืน ก๋ง มาสด้า2  สีขาว  ฆล-880กทม  ถูกกระสุนปืนที่กระจกด้านหลัง 3นัด เก๋ง  สีเขียว  ถูกกระสุนปืนเข้าที่กระจกหน้ารถ มีผู้บาดเจ็บ3คนเป็นชายสาหัส ส่ง รพ.คลองหลวง  ทราบชื่อ 1.นายฉัตรชัย  ภะคูถิน  อายุ25ปี  ถูกยิงที่กลางหลัง  กระสุนฝังในที่ช่องท้อง  2.นายเอกชัย  ดวงเกิด  อายุ32ปี   ถูกยิงที่กลางหลัง กระสุนฝังในช่องท้อง  กำลังจะส่งต่อ รพ.วิภาราม(ตามสิทธิ)  3.นายฉัตรตระวัฒน์รัตนวงศ์  อายุ30ปี  ถูกยิงที่ ลำคอขวาทะลุลำคอซ้าย ล่าสุดส่งต่อ รพ.ปทุมธานี(รักษาตามสิทธิ)  คาดเป็นเหตุขัดแย้งในกลุ่มแข่งรถสองกลุ่ม