ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ และประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊ก เรื่องสถานการณ์ค่าเงินปอนด์ในอังกฤษ และแนวทางของรัฐบาลในการดูแลเสถียรภาพตลาดพันธบัตร โดยระบุว่า “เกิดอะไรที่อังกฤษ !!!! เมื่อวานนี้ (28 ก.ย.65) แบงค์ชาติอังกฤษ ได้ประกาศเข้าแทรกแซงเพื่อดูแลเสถียรภาพของตลาดพันธบัตรรัฐบาลอังกฤษด้วยวงเงิน 65 พันล้านปอนด์ ตลาดการเงินทั่วโลกต่างดีใจ ปรับตัวรับข่าว Dow Jones จากที่ตกมาหลายวัน ก็สามารถ +548.75 จุด หรือ +1.88% Nasdaq +222.13 จุด หรือ +2.05% Bitcoin ก็เพิ่มขึ้นไปใกล้ๆ 20,000 ดอลลาร์/เหรียญ ดัชนีค่าเงินดอลลาร์ก็อ่อนจากที่แข็งสุด 114.7 ลงมาที่ 112.7 หลายคนถามว่า "เกิดอะไรขึ้น และจะเปลี่ยน Trend ตลาดโลกได้ไหม"
คำตอบ : ทั้งหมดเริ่มมาจากนโยบายรัฐบาลใหม่ของอังกฤษเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว ที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจ ด้วยการลดภาษีครั้งใหญ่ในรอบ 50 ปี ซึ่งจะช่วยลดภาระภาษีของประชาชนลงไปรวม 45 พันล้านปอนด์ แต่เรื่องนี้ จะทำให้ฐานะการคลังของอังกฤษที่ขาดดุลอยู่แล้ว ขาดดุลยิ่งขึ้นไปอีกทำให้หลายคนรวมถึง IMF ออกมาเตือนว่า นโยบายลักษณะนี้ไม่มีความรับผิดชอบ (Irresponsible) ไม่น่าแปลกใจว่า ตลาดจึงตอบรับด้วยการเทขายพันธบัตรรัฐบาลของอังกฤษ ทำให้ดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลระยะต่างๆ พุ่งสูงขึ้น UK30Y Gilt เพิ่มจาก 3.5% เมื่อสัปดาห์ก่อนหน้าไปที่ 5.14% เป็นการลงโทษนโยบายที่ไม่รับผิดชอบของรัฐบาลเช่นนี้ เมื่อตลาดพันธบัตรผันผวนรุนแรงเช่นนี้ ธนาคารกลางอังกฤษจึงไม่มีทางออก จำต้องประกาศมาตรการดูแลตลาด โดยจะเข้าซื้อพันธบัตรแทน ตั้งวงเงินไว้ที่ 65 พันล้านปอนด์ ดำเนินการจนถึงกลางเดือนตุลาคม ด้วยมาตรการดังกล่าว ตลาดพันธบัตรอังกฤษ จึงเข้าสู่ปกติ ดอกเบี้ย 30 ปี ที่พุ่งไปที่ 5.14% ก็กลับลงมาที่ 3.93% สิ่งที่เกินคาดก็คือ การปรับตัวของตลาดอื่นๆ ทั่วโลก ที่ดีขึ้นมากอย่างที่บอกไปข้างต้น ทั้งๆ ที่อังกฤษเป็นเศรษฐกิจที่ไม่ใหญ่มาก กลับมีผลกระทบกว้างไกล แต่ที่เป็นเช่นนี้ ก็เพราะนักลงทุนแอบดีใจว่า "สุดท้าย ธนาคารกลางก็อดไม่ได้ที่จะอัดฉีดสภาพคล่องอีก" แอบคิดว่า ถ้าเริ่มได้ 1 ที่ เดี๋ยวที่อื่นก็อาจจะทำตาม ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น จะทำให้สภาพคล่องที่กำลังถูกดูดกลับ หายไปจากตลาด กลับมาอีกครั้ง แต่ในเรื่องนี้ เมื่อลองคิดดูแล้ว คงยากที่จะฝืนเฟดได้ เพราะ Balance Sheet ของแบงค์ชาติอังกฤษ ที่ประมาณ 4 แสนล้านปอนด์ เล็กกว่าเฟดที่ 8.8 ล้านล้านดอลลาร์ เกือบ 22 เท่า
นอกจากนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่ QE แต่เป็นการดูแลตลาดช่วงสั้น เพื่อไม่ให้ ตลาด Panic ทั้งหมดหมายความต่อไปว่า ที่ตลาดแอบดีใจ แอบหวัง ก็ยากจะเกิด สุดท้าย Trend การสู้ศึกเงินเฟ้อ ก็จะเป็น Trend หลักของโลกต่อไปอยู่ดี ส่วนที่ปรับดีขึ้น ก็คงชั่วคราว อยู่ได้ไม่นานครับ !!!
#อังกฤษ
#เสถียรภาพตลาดพันธบัตร
CR:กอบศักดิ์ ภูตระกูล