ผู้นำอินโดฯตรวจสภาพสนามกีฬาที่เกิดเหตุจลาจล พบปิดล็อคช่องทางเข้า-ออกของอัฒจันทร์ที่ลาดชัน ทำให้แฟนบอลเหยียบกันตาย

          ประธานาธิบดีโจโก วิโดโดของอินโดนีเซีย เดินทางไปตรวจเยี่ยมสนามกีฬาคานจูรูฮัน เมืองมาลัง จังหวัดชวาตะวันออก อินโดนีเซียในวันนี้ เปิดเผยว่า ประตูสนามกีฬาปิดล็อค ช่องทางเข้าออกของอัฒจันทร์ที่ลาดชันและการตื่นตระหนกของแฟนบอลที่ต่างพยายามวิ่งออกจากสนาม อาจจะมีส่วนทำให้เกิดเหตุแฟนบอลเหยียบกันตายเมื่อคืนวันเสาร์ที่แล้ว(1 ตุลาคม 2565) ตัวเลขผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 131 ราย

          นายวิโดโดสั่งการให้กระทรวงโยธาธิการของอินโดนีเซียส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบสภาพความปลอดภัยของสนามกีฬาทุกแห่งทั่วประเทศให้เสร็จภายในหนึ่งเดือน ปรับปรุงเรื่องประตู ที่กั้นประตู ที่นั่งชมบนอัฒจันทร์ของสนามกีฬา ตลอดถึงรั้วกั้นและอื่นๆ ระบุว่า ระบบการจัดแข่งขันกีฬาทั้งหมด รวมถึงการบริหารจัดการสนามกีฬา การควบคุมผู้ชมกีฬา และมาตรการรักษาความปลอดภัยสนามกีฬาจะต้องมีการทบทวนใหม่ทั้งระบบเพื่อความปลอดภัยของผู้ชมกีฬาและกองเชียร์

          รัฐบาลอินโดนีเซียได้ตั้งคณะกรรมการค้นหาความจริงขึ้นมาชุดหนึ่ง เพื่อพิจารณาว่า เจ้าหน้าที่ความมั่นคงของอินโดนีเซียได้จัดการเรื่องมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างไรในช่วงเกิดเหตุ ซึ่งนายวิโดโด ระบุว่า คณะกรรมการชุดนี้จะพิจาณาสถานการณ์แวดล้อมทุกอย่างจนกระทั่งนำไปสู่เหตุเหยียบกันตาย

          ก่อนหน้านี้ นายวิโดโดได้ไปเยี่ยมแฟนบอลกลุ่มหนึ่งที่บาดเจ็บ ซึ่งยังพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลเมืองมาลัง ระบุว่ารัฐบาลจะรับผิดชอบเรื่องค่าใช้จ่ายในการรักษาผู้ป่วยทั้งหมด และจ่ายเงินทดแทนให้กับครอบครัวของผู้เสียชีวิต รายละ 50 ล้านรูเปียอินโดนีเซีย (หรือ 120,856 บาท)

           เหตุจลาจลในสนามกีฬาเกิดขึ้น หลังกรรมการเป่านกหวีดจบการแข่งขันระหว่างสโมสร อาเรมา เอฟซี เจ้าบ้าน กับ สโมสร เปอร์เซบายา สุราบายา ทีมเยือน ซึ่งจบลงโดยทีมเยือนชนะเจ้าบ้าน 3-2 ประตู ทำให้แฟนบอลทีมเจ้าถิ่นหลายพันคนที่ไม่พอใจต่างวิ่งกรูลงไปในสนามฟุตบอล เพื่อทำร้ายนักฟุตบอลทีมเยือนและกรรมการ ตำรวจได้ตัดสินใจยิงแก๊สน้ำตาควบคุมฝูงชนในสนามกีฬา ซึ่งไม่สอดคล้องกับระเบียบความปลอดภัยสนามกีฬาตามที่สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ(FIFA)กำหนดไว้ ทำให้เกิดเหตุแฟนบอลวิ่งหนีออกจากสนามกีฬา เกิดเหตุเหยียบกันตาย

#อินโดนีเซีย

#เหตุเหยียบกันตายในสนามฟุตบอล

#ซีเอ็นเอ