หลังจากที่มีการทยอยรปรับขึ้นราคาแอลพีจีภาคครัวเรือน เดือนละ50 สตางค์ต่อกิโลกรัมและจะปรับขึ้นไปจนถึง 24บาท 82 สตางค์ต่อกิโลกรัมทำให้ราคาภาคครัวเรือน เดือน พ.ค. อยู่ที่22 บาท 63 สตางค์ต่อกิโลกรัม ต่างจาก แอลพีจีภาคขนส่ง ที่ตรึงไว้ที่ 21บาท 38 สตางค์ต่อกิโลกรัม ห่างกัน 1 บาท 25 สตางค์ ทำให้อาจเกิดปัญหาการลักลอบนำภาคขนส่งมาขายครัวเรือน นายเสมอใจ ศุขสุเมฆ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เปิดเผยว่า ในการประชุมร่วมระหว่าง นายกรัฐมนตรีและผู้บริหารกระทรวงต่างๆ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แสดงความเป็นห่วง ปัญหาด้านพลังงานพลังงาน ที่ได้รับผลกระทบจากการที่ไม่สามารถประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ได้เพราะเป็นรัฐบาลรักษาการ โดยเฉพาะกรณีราคาก๊าซแอลพีจีภาคขนส่ง เดิมก่อนยุบสภา มีแนวคิดจะปรับราคาให้ ขนส่งและครัวเรือนมีราคาเท่ากัน แต่เมื่อยุบสภา กพช.ก็ไม่สามารถอนุมัติปรับขึ้นภาคขนส่งได้ นายกรัฐมนตรีจึงมีแนวคิดให้ หารือกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอประชุม กพช.เพื่ออนุมัติขึ้นราคาภาคขนส่งได้หรือไม่ นายเสมอใจ กล่าวว่า หากจะปรับขึ้นราคาแอลพีจีภาคขนส่ง สิ่งที่จะกระทบคือ แท็กซี่แอลพีจี และอาจใช้ข้ออ้างปรับขึ้นค่าโดยสาร ทำให้สัปดาห์หน้า กระทรวงพลังงานจะประชุมผู้เกี่ยวข้องทั้งสมาคมแท็กซี่และภาคราชการว่าจะช่วยเหลืออย่างไร โดยอาจจะนำเรื่องการใช้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง มาปรับเปลี่ยนแท็กซี่แอลพีจีเป็นเอ็นจีวีอีกครั้ง