ค้น 7 จุด ทลายเครือข่ายฟอกเงิน แก๊งคอลเซ็นเตอร์ อายัดทรัพย์กว่า 90 ล้าน ทวงเงินคืนผู้เสียหาย

21 กรกฎาคม 2566, 04:52น.


            การยึดทรัพย์ขบวนการเครือข่ายฟอกเงินของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี(ผบช.สอท.) พร้อมด้วย พล.ต.ต.ออมสิน ตรารุ่งเรือง รอง ผบช.สอท. พล.ต.ต. ฐิตวัฒน์ สุริยฉาย ผบก.สอท.4 พล.ต.ต.ณัฐกร ประภายนต์ ผบก.สอท.2 พล.ต.ต.พิษณุ อุณหเสรี ผบก.ภ.จว.อุดรธานี และนายสมชาย พลายด้วง ผอ.กองคดี 5 สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.) นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ และ ปปง. ปิดล้อมตรวจค้นในพื้นที่ จ.อุดรธานี 6 จุด และ กทม.1 จุด รวมทั้งสิ้น 7 จุดเป้าหมาย 



           จุดที่น่าสนใจ คือ การตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ที่เปิดรับซื้อพืชผลทางการเกษร ตั้งแต่ปี 2564 ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ หมู่ 9 ซ.บัานหนองเหล็ก ต.หมากแข้ง อ.เมือง จ.อุดรธานี ตรวจยึดรถยนต์ ยี่ห้อ Porsche Cayenne 1 คัน มูลค่ากว่า 7 ล้านบาท รถจักรยานยนต์ LAMBRETTA รุ่น X300 สีเขียว มูลค่า 1.5 แสนบาท เงินสด 439,000 บาท เงินสดสกุลลาว 530,000 กีบ นาฬิกา ยี่ห้อ ROLEX รุ่น SUBMARINER สีเขียว มูลค่า 3.2 แสนบาท นาฬิกา ยี่ห้อ FRANCK MULLER รุ่น YACHTING สีน้ำเงิน มูลค่า 3 แสนบาท กระเป๋าแบรนด์เนม จำนวนมาก นอกจากนี้ ยังตรวจยึดกระเป๋าแบรนด์เนม โฉนดที่ดินอสังหาริมทรัพย์ ในจุดอื่นๆได้ รวมมูลค่ากว่า 90 ล้านบาท



           พล.ต.ท.วรวัฒน์ กล่าวว่า ปฏิบัติการครั้งนี้ เนื่องจาก มีกลุ่มผู้เสียหายกว่า 166 ราย ยื่นร้องเรียนและขอความช่วยเหลือไปที่ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) ว่าได้รับความเสียหายจากกลุ่มขบวนการ "แก๊งคอลเซ็นเตอร์" แอบอ้างเป็นบริษัทขนส่ง หลอกโอนเงิน สร้างความเสียหายประมาณ 90 ล้านบาท เกิดเหตุต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงปลายปี 2564 ในหลายท้องที่ทั่วประเทศ ผบ.ตร. จึงสั่งการให้ตำรวจไซเบอร์ สืบสวนขยายผลจับกุม และสืบทรัพย์ที่เชื่อมโยงกับกลุ่มขบวนการดังกล่าว อีกทั้งกลุ่มบุคคลที่เชื่อว่ามีการกระทำการสนับสนุนการฟอกเงิน



           จากการสืบสวน พบว่า มีกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องทางการเงินจากกลุ่มบัญชีม้า ซึ่งรับจ้างเปิดบัญชีแก่กลุ่มมิจฉาชีพให้นำไปใช้ก่อเหตุ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ดำเนินคดีกับกลุ่มบัญชีม้าดังกล่าวในฐานความผิด "สนับสนุนการกระทำความผิดในความผิดฐานฟอกเงิน" ไปแล้วก่อนหน้านี้



          การขยายผลเส้นทางทางการเงิน พบความเชื่อมโยงไปยังบุคคลต่างๆ อีกหลายราย ทั้งในส่วนของบุคคลผู้ทำหน้าที่ตระเวนกดเงิน รับผลประโยชน์จากบัญชีผู้ต้องหา อีกทั้ง พบพยานหลักฐานและพฤติการณ์ของกลุ่มที่เป็นนายหน้า จ้างให้เปิดบัญชีเพื่อนำมาใช้ในการปกปิด อำพราง ธุรกรรมทางการเงินและทรัพย์สิน เมื่อเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบทรัพย์สินของบุคคลที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม ยังพบว่า มีอยู่ในการครอบครองอีกหลายรายการ อันน่าเชื่อว่าเป็น "ทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด" ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์จึงได้ขออนุมัติหมายค้นจากศาลอาญาเข้าทำการตรวจค้น 7 จุด จึงเป็นที่มาของการเปิดปฏิบัติการครั้งนี้



           เจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์ จะนำของกลางที่ยึดได้ส่งให้ ปปง.เป็นผู้ดำเนินการ โดยจะให้เจ้าของนำเอกสารหลักฐานมาชี้แจงถึงที่มาที่ไปของทรัพย์สิน หากพบว่าไม่สามารถชี้แจงได้ ก็ถือว่าเข้าข่ายในส่วนของความผิดฐาน "ร่วมกันฟอกเงินหรือร่วมกันสนับสนุนฟอกเงิน" และ นำทรัพย์สินที่ไม่สามารถชี้แจงได้ หรือ ทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำความผิดเหล่านั้นนำขายทอดตลาด เพื่อมุ่งหวังนำเงินมาคืนให้กลุ่มผู้เสียหายที่ได้รับความเดือดร้อน นอกจากนี้ ตำรวจไซเบอร์ จะขยายผลหาความเชื่อมโยงของขบวนการนี้ และรีบจับกุมผู้เกี่ยวข้องต่อไป



 



#เครือข่ายฟอกเงิน



#แก๊งคอลเซ็นเตอร์ 



CR:ขอบคุณข้อมูล-ภาพ ตำรวจไซเบอร์-บช.สอท.

ข่าวทั้งหมด

X