จับเมาแล้วขับ ช่วงหยุดยาวรวมกว่า 950 ราย รองผบ.ตร.กำชับดูแลเดินทางขากลับ

           ในช่วงวันหยุดยาว ประชาชนเดินทางไปต่างจังหวัด ศูนย์ข้อมูลอุบัติเหตุทางถนน (https://www.thairsc.com/) พบว่า ในช่วงวันหยุด ตั้งแต่วันที่ 27-31 ก.ค.66

-ยอดผู้เสียชีวิตสะสมแล้วถึง 153 ราย

-เมื่อวาน (31 ก.ค.66) วันเดียว มียอดผู้เสียชีวิตถึง 45 ราย บาดเจ็บ 2,173 คน

-สาเหตุหลักของการเกิดอุบัติเหตุ คือ ขับรถเร็ว หลับใน ขับรถตัดหน้า/เปลี่ยนช่องทางเดินรถ(เลน)ในระยะกระชั้นชิด และเมาแล้วขับ

           การจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในความผิดฐานเมาแล้วขับ ตั้งแต่วันที่ 27-31 ก.ค.66

-ยอดจับกุมสะสม 958 ราย

         ขอแจ้งเตือนประชาชนว่าหากขับขี่รถในขณะเมาสุรา และ เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุแล้วมีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต จะมีความผิดต้องระวางโทษจำคุกสูงสุดถึง 10 ปี ปรับ 200,000 บาท และจะต้องถูกเพิกถอนใบอนุญาตขับรถในทันทีอีกด้วย

         วันนี้ ประชาชนทยอยเดินทางกลับเข้ากรุงฯ ทำให้สภาพการจราจรติดขัด พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(รอง ผบ.ตร.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารงานจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศจร.ตร.) กำชับตำรวจจราจรทั่วประเทศ พร้อมอำนวยความสะดวกจราจร ป้องกัน เเละลดอุบัติเหตุทางถนน ขอให้ประชาชนตรวจสอบความพร้อมของร่างกาย สภาพรถและตรวจสอบเส้นทางก่อนออกเดินทาง เพื่อความปลอดภัย ประกอบกับมีประกาศเตือนของกรมอุตุนิยมวิทยา เรื่อง ฝนตกหนักถึงหนักมาก วันที่ 1-2 ส.ค.66 นี้มีฝนตกหนักเกือบทั้งประเทศ อาจเป็นปัจจัยเสี่ยงทำให้เกิดอุบัติเหตุทางถนนได้ เนื่องจาก ทัศนวิสัยในการขับขี่ลดลง  เจ้าหน้าที่ตำรวจ เน้นในการจับกุม ป้องกันการเกิดอุบัติเหตุใน 10 ข้อหาหลัก ได้แก่

1. ขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด

2. ฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจร

3. ขับรถย้อนศร

4. ไม่พกพาใบขับขี่

5. ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย

6. แซงในที่คับขัน

7. ขับขี่รถขณะเมาสุรา

8. ไม่สวมหมวกกันน็อก

9. ใช้รถมอเตอร์ไซค์ที่ไม่ปลอดภัย

10. ใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับรถ

          ด้าน พล.ต.ท.นิธิธร จินตกานนท์ ผู้บัญชาการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานเสริมสร้างภาพลักษณ์ตำรวจจราจร ศจร.ตร. กล่าวถึง การจราจรบริเวณถนนมิตรภาพ ถนนพหลโยธิน และถนนสายเอเชีย มีปริมาณรถมากในช่วงใด เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง ก็จะดำเนินการเปิดช่องทางพิเศษ เพื่อเร่งระบายรถให้สะดวกมากขึ้น

#เมาแล้วขับ

CR:ขอบคุณข้อมูล-ภาพ POLICETV สถานีโทรทัศน์สำนักงานตำรวจแห่งชาติ