นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนายภูมิธรรม เวชชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และนายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย แถลงผลการหารือร่วมกันกับพรรคก้าวไกล ซึ่งแกนนำสองพรรคประชุมร่วมกันตั้งแต่เวลา 9.30 น.ที่ผ่านมา โดย นพ.ชลน่าน เริ่มต้นการแถลงว่า “เริ่มต้นใหม่ ร่วมผ่าทางตันหาทางออกให้ประเทศ” พร้อมชี้แจงรายละเอียดว่า การจัดตั้งรัฐบาลในครั้งนี้ พรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล ได้จับมือร่วมกับพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลอีก 6 พรรค รวมเสียงได้ 312 เสียง เพื่อจัดตั้งรัฐบาลที่มีพรรคก้าวไกลเป็นแกนนำและเสนอนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรี โดยทั้ง 8 พรรค มีข้อสรุปร่วมกันว่า จะจัดตั้งรัฐบาล ภายใต้การปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยพรรคเพื่อไทยมีความเห็นอย่างชัดเจน ว่า จะยึดมั่นในการมีสถาบันพระมหากษัตริย์ทรงเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทยทั้งประเทศและไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112
แต่แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคก้าวไกล ไม่สามารถรวมเสียงสนับสนุนจากรัฐสภาได้ ซึ่งพรรคเพื่อไทยได้สนับสนุนพรรคก้าวไกลอย่างเต็มความสามารถแล้ว แต่เงื่อนไขจากพรรคการเมืองอื่นและ สว. ไม่ยอมรับนโยบายแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ของพรรคก้าวไกล ดังนั้น ที่ประชุม 8 พรรคร่วม จึงมีมติส่งมอบภารกิจการจัดตั้งรัฐบาลให้พรรคเพื่อไทย โดยเห็นชอบแนวทางให้พรรคเพื่อไทย หาเสียงสนับสนุนทั้งจากพรรคการเมืองนอกกลุ่ม พรรคร่วมเดิม และ สว.
ซึ่งจากการพูดคุยกับพรรคการเมืองอื่นและส่งตัวแทนรับฟังความเห็นจาก สว.พบว่า การแก้ไข ม.112 เป็นเงื่อนไขหลักในการสนับสนุนการจัดตั้งรัฐบาล ดังนั้น พรรคเพื่อไทยจึงหารือกับพรรคก้าวไกล ขอถอนตัวจากการร่วมมือกัน และจัดตั้งรัฐบาลพรรคร่วมใหม่ เสนอชื่อ นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งพรรคเพื่อไทยและนายเศรษฐา ยืนยันชัดเจนว่า จะไม่สนับสนุนการแก้ไขมาตรา 112 และการจัดตั้งรัฐบาลใหม่จะไม่มีพรรคก้าวไกลอยู่ในพรรคร่วม พรรคเพื่อไทยจะใช้ความพยายามรวบรวมเสียง ให้เพียงพอต่อการจัดตั้งรัฐบาลอย่างเหมาะสม ส่วนพรรคก้าวไกลจะทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้าน และยืนยันจะทำงานการเมืองในมิติใหม่ ที่จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและพี่น้องประชาชน โดยมีภารกิจสำคัญคือ
1. จะผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันอันเป็นต้นเหตุของความยากลำบากในการจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้ โดยกำหนดเป็นวาระแห่งชาติ มติ ครม.ในการประชุมครั้งแรก จะให้มีการทำประชามติ และจัดตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือ สสร. ให้ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างแท้จริงในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จากนั้น รัฐบาลจะคืนอำนาจให้ประชาชนได้เลือกตั้งใหม่ ภายใต้กติกาของรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
2. นโยบายที่พรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมได้นำเสนอต่อประชาชน ซึ่งมีความคิดเห็นสอดคล้องกัน เช่น กฎหมายสมรสเท่าเทียม กฎหมายสุราก้าวหน้า การปฏิรูประบบราชการ ตำรวจ กองทัพและกระบวนการยุติธรรม เปลี่ยนการเกณฑ์ทหารแบบบังคับเป็นระบบสมัครใจ ฯลฯ ผลักดันการกระจายอำนาจทั้งในแง่ภารกิจและงบประมาณ ยกเลิกการผูกขาดและส่งเสริมการแข่งขันทางการค้าที่เป็นธรรมในทุกอุตสาหกรรม เป็นต้น ในฐานะพรรคแกนนำรัฐบาล พรรคเพื่อไทยจะผลักดันร่วมกับพรรคร่วมเพื่อให้นโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนดำเนินการได้ประสบความสำเร็จ
พรรคเพื่อไทย ขอแสดงความจริงใจต่อเพื่อนมิตรทุกพรรคการเมือง และสมาชิกวุฒิสภา รวมทั้งประชาชนว่า นี่คือแนวทางที่จะรักษาสถาบันสำคัญของชาติให้เป็นศูนย์รวมจิตใจของคนทั้งประเทศ และช่วยผลักดันความต้องการของประชาชน ภายใต้ข้อจำกัดและเส้นทางที่ยากลำบากนี้ไว้ได้ เพื่อให้ภารกิจนำพาประเทศพ้นวิกฤต แก้ไขความขัดแย้ง ปลดพันธนาการจากกลไกที่ไม่ปกติให้คืนสู่ความปกติ และใช้ประสบการณ์ และความสามารถของบุคลากรของพรรคเพื่อไทยเร่งแก้วิกฤตเศรษฐกิจและปัญหาปากท้องของประชาชนโดยเร็ว ภายใต้รัฐธรรมนูญใหม่ซึ่งเป็นกติกาสูงสุดจากอำนาจประชาชน
นพ.ชลน่าน ยังระบุว่า บรรยากาศการพูดคุยกับพรรคก้าวไกลเป็นไปด้วยดี พรรคก้าวไกลรับฟังด้วยดี ซึ่งเพื่อไทยยืนยันว่า ไม่ใช่การบอกเลิก แต่เป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องชี้ถึงเหตุและผลที่จะต้องแยกมาจัดตั้งรัฐบาลโดยไม่มีพรรคก้าวไกล และหลังการหารือ พรรคเพื่อไทยได้โทรศัพท์ไปแจ้งผลการหารือและข้อสรุปต่างๆ ไปยังพรรคร่วมอีก 6 พรรคแล้ว ส่วนการโหวตนายกรัฐมนตรีรอบสาม ในวันที่ 4 ส.ค.นี้ ที่จะเสนอชื่อนายเศรษฐาเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น ก็ให้เป็นเอกสิทธิ์ของพรรคก้าวไกล ว่าจะยกมือสนับสนุนหรือไม่ รวมทั้งพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลอีก 6 พรรค หากมีพรรคไหนรับได้กับข้อเสนอของพรรคเพื่อไทย และต้องการร่วมจัดตั้งรัฐบาล พรรคเพื่อไทยก็ยินดี ซึ่งเชื่อว่า การลดเงื่อนไขเรื่องมาตรา 112 จะทำให้ได้เสียงสนับสนุนจาก สว.
ส่วนรายละเอียดการจัดตั้งรัฐบาลขั้วใหม่นั้น พรรคเพื่อไทยจะมีแถลงอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ (3 ส.ค.66) เบื้องต้นคาดว่าจะเป็นช่วงบ่าย ส่วนจะแถลงที่ไหน จะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง
#จัดตั้งรัฐบาล
#พรรคเพื่อไทย