ก้าวไกลเตรียมเสนอญัตติทบทวน
นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล แถลงภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ ไม่รับคำร้องผู้ตรวจการแผ่นดิน โดยระบุว่า การที่ศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำร้อง ก็หมายความว่าไม่ได้มีการพิจารณาในเนื้อหาสาระข้อเท็จจริง ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญตีตกไปในกรณีที่ผู้ตรวจการแผ่นดินไม่ได้เป็นผู้มีสิทธิ์ร้อง เป็นการพิจารณาเกี่ยวกับเทคนิคและกระบวนการ ซึ่งพรรคก้าวไกลเองก็ยืนยันมาโดยตลอดว่า กรณีเช่นนี้ เป็นกรณีที่สภาควรหารือกันเองได้ ไม่จำเป็นต้องให้องค์กรภายนอก เช่น ศาลรัฐธรรมนูญเข้ามา เพราะโดยหลักการแล้ว สภามีอำนาจในการแก้ไขปรับปรุง ซึ่งเมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา พรรคก้าวไกลจึงเสนอให้ทบทวนมติที่ประชุมรัฐสภาเมื่อวันที่ 19 ก.ค.66 ว่าเป็นการดำเนินการที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งญัตตินั้นมีผู้รับรองถูกต้องแล้ว
ดังนั้น ในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีครั้งต่อไป พรรคก้าวไกลก็ยืนยันที่จะเสนอญัตติดังกล่าวต่อไป และหวังว่า กระบวนการนี้จะทำให้สภาทำในสิ่งที่ถูกต้อง และพรรคก้าวไกลไม่ได้ตีรวนทางการเมือง เพราะพรรคก้าวไกลไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะเสนอนายกรัฐมนตรีได้แล้ว
นายรังสิมันต์ ยังระบุด้วยว่า การเป็นแคนดิเดตนายกฯ เป็นสถานะตามรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่ว่าเสนอรอบแรกไม่ผ่าน แล้วจะมาบอกว่าไม่มีสถานะนั้นแล้ว การพิจารณากันแบบนี้ เป็นการเล่นการเมืองโดยไม่พิจารณาบนข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย
ส่วนตัวนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะผู้ได้รับความเสียหายโดยตรง จะยื่นร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ไม่ยื่นแน่นอน เพราะยืนยันมาตลอดว่า เรื่องนี้เป็นกิจการของสภา ศาลรัฐธรรมนูญไม่ควรเข้ามา จึงเป็นที่มาที่พรรคอยากใช้กลไกสภาฯ อย่างถูกต้อง และเรื่องนี้เป็นเรื่องหลักการ ไม่ได้เสนอเพื่อตัวเอง หรือเพื่อให้นายพิธา กลับมาเป็นแคนดิเดตนายกฯอีก เพราะวันนี้นายพิธา ไม่ได้อยู่ในจุดนั้นแล้ว แต่เป็นการเสนอเพื่อให้เป็นไปตามหลักการที่ถูกต้อง เพราะกังวลว่า เมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง ต่อจากนี้ แคนดินเดตนายกฯ แต่ละคน อาจจะมีสิทธิ์ถูกเสนอชื่อได้เพียงครั้งเดียว จึงเป็นที่มาที่พรรคก้าวไกลเสนอญัตติให้ทบทวนมติดังกล่าว เพราะอาจกลายเป็นบรรทัดฐาน ซึ่งเรื่องการเสนอชื่อบุคคลในรัฐสภาไม่ใช่มีเฉพาะนายกฯ เท่านั้น แต่มีอีกหลายกรณีที่มีความสำคัญ จึงไม่อยากให้สร้างบรรทัดฐานที่ผิดเช่นนี้ แคนดิเดตนายกฯจะเป็นใครก็ตาม ล้วนได้ประโยชน์จากข้อเสนอของพรรคก้าวไกล ยกเว้นบางฝ่ายจะวางหมากให้การเสนอแคนดิเดตเกิดขึ้นได้เพียงครั้งเดียว เช่น พรรคก้าวไกลไม่ผ่าน และอีกบางพรรคไม่ผ่าน แล้วหวังว่าตัวเองจะได้ประโยชน์จากตรงนี้ หรือเป็นการปูทางไปสู่นายกฯ คนนอก แต่นาทีนี้ต้องยอมรับว่าไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องอาศัยเสียง 2 ใน 3 ของสมาชิกทั้งสองสภาเท่าที่มีอยู่
ส่วนกรณีที่ญัตติของพรรคก้าวไกลถูกประธานรัฐสภาใช้อำนาจประธานวินิจฉัยให้ตกไปแล้ว นายรังสิมันต์ ระบุว่า ในการประชุมครั้งนั้น ประธานไม่ได้อ้างข้อกฎหมาย เพียงแต่ชี้แจงว่าขอให้รอความชัดเจนจากศาลรัฐธรรมนูญก่อน เข้าใจว่าเป็นเจตนาดีของประธาน ที่จะให้กระบวนการมีความชัดเจนก่อนจึงค่อยพิจารณา ซึ่งจะรอหารือกับประธานรัฐสภาอีกครั้ง
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เมื่อผู้ร้องยื่นเอกสารเพิ่มเติม ทางพรรคก็จะเอาเอกสารตรงนี้มาพิจารณา เพื่อเขียนคำชี้แจงในส่วนของรายละเอียดที่เพิ่มเข้ามา ซึ่งการขยายระยะเวลาตรงนี้ จะเป็นคุณหรือเป็นโทษ ก็คงอยู่ที่กระบวนการ และโอกาสที่จะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจอย่างไร แต่ยืนยันว่า เราทำถูกต้องทุกอย่างในการเสนอนโยบายไปที่ กกต. แต่ที่เป็นปัญหา เพราะเราดันได้ที่ 1 ถ้าเราไม่ได้ที่ 1 ไม่ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล กระบวนการกลั่นแกล้งโดยใช้นิติสงครามอย่างที่ทำกันอยู่ ก็คงไม่มาถึงจุดนี้กัน ส่วนตัวมั่นใจในพยานหลักฐานและการต่อสู้คดี จึงยังไม่กังวลว่าจะมีการยุบพรรค เพราะกระบวนการที่ทำมา เป็นไปตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด
นายรังสิมันต์ ย้ำว่า มาตรา 112 เคยมีการแก้ แก้มาโดยตลอด ล่าสุดคือคณะรัฐประหาร ถ้าที่ผ่านมาการแก้มาตรา 112 ทำได้ ก็อยากให้ความเป็นธรรมกับพวกเราด้วย ว่า เจตนาของพวกเรา พยายามใช้กระบวนการปกติ ในการแก้กฎหมาย ไม่มีอะไรเลย
#พรรคก้าวไกล
#โหวตนายก
#ศาลรัฐธรรมนูญ
#พิธาลิ้มเจริญรัตน์
#รังสิมันต์โรม