ตำรวจไทยร่วมกับตำรวจกัมพูชา ทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ รวบคนไทยทำหน้าที่โทรหลอกโอนเงิน

10 กันยายน 2566, 12:15น.


      ความคืบหน้าคดีสะเทือนขวัญ ที่พ่อเครียดใช้มีดปาดคอภรรยาและลูก 2 คน เสียชีวิต 3 ศพ ที่จังหวัดสมุทรปราการ สาเหตุจากหนี้สินจากการค้ำประกัน และภรรยาถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกโอนเงิน ต่อมา พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เดินทางไปประเทศกัมพูชา  เพื่อประสานขอความร่วมมือกับ พล.ต.อ.ซอ เทศ  ผบ.ตร.กัมพูชา ในการติดตามจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับคดีแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่อยู่ในประเทศกัมพูชา







                 เมื่อวานนี้ (9 ก.ย.66)  พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ พร้อมทีมตำรวจไทย ร่วมกับ พล.ต.ท.เสียง เทีย ริต รองผู้อำนวยการกองบัญชาการรักษาความปลอดภัยแห่งชาติกัมพูชา , พลตำรวจจัตวา ดารา สุเภีย รองผู้อำนวยการ สำนักงานข่าวกรองแห่งชาติกัมพูชา , พ.ต.อ.ฮุง วี แรก ผู้บังคับการต่อต้านการก่อการร้ายและอาชญากรรมข้ามชาติกัมพูชา และ พ.ต.ท.ชิ โคโบตร้า เลขาธิการผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติกัมพูชา ร่วมกันติดตามจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับที่หลบหนีอยู่ในกัมพูชาได้อีก  4 คน   ได้แก่



1.นายสุพล  อายุ 21 ปี ทำหน้าที่ หัวหน้าคนไทยควบคุมพนักงานคอลเซ็นเตอร์ฝั่งกัมพูชา และจัดหาบัญชีธนาคารของผู้อื่น (บัญชีม้า) 



2.น.ส.นิศารัตน์  อายุ 22 ปี ทำหน้าที่ พนักงานในคอลเซ็นเตอร์



 3.น.ส.กนกพร   อายุ 19 ปี ทำหน้าที่ พนักงานในคอลเซ็นเตอร์



 4.น.ส.กรกนก   อายุ 19 ปี ทำหน้าที่ พนักงานในคอลเซ็นเตอร์



              ทั้งหมดถูกแจ้งข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน,ร่วมกันนำเข้าข้อมูลเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่ฯ  , และข้อหามีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ   พร้อมยึดของกลาง เช่น โทรศัพท์มือถือ, บัตร ATM, สมุดบัญชีธนาคาร และอื่นๆ รวมทั้งสิ้นกว่า 100 รายการ และเงินสดจำนวนกว่า 240,000 บาท





              โดยคดีนี้ได้ออกหมายจับผู้ต้องหาไปแล้วทั้งสิ้น 30 หมายจับ สามารถจับกุมได้ 16 ราย แบ่งหน้าที่ดังนี้



กลุ่มเจ้าของบัญชีม้ารับโอนเงิน จำนวน 16 ราย จับกุมได้ 9 ราย หลบหนี 7 ราย



กลุ่มผู้ถอนเงิน จำนวน 4 ราย จับกุมได้ 2 ราย หลบหนี 2 ราย



กลุ่มจัดหาบัญชีม้า จำนวน 2 ราย จับกุมได้ 2 ราย



กลุ่มพนักงานในคอลเซ็นเตอร์ จำนวน 6 ราย หลบหนี 6 ราย (อยู่ในกัมพูชา)



กลุ่มชาวจีน ผู้ควบคุมพนักงานในคอลเซ็นเตอร์ จำนวน 2 ราย หลบหนี 2 ราย (อยู่ในกัมพูชา)



                พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า คดีนี้สั่งการให้เจ้าหน้าที่สืบสวนขยายผลออกหมายจับผู้ต้องหาทั้งขบวนการที่เกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ดังกล่าวทั้งหมด ตั้งแต่บัญชีม้าจนถึงหัวหน้าขบวนการชาวจีนมากถึง 30 ราย  โดยจับกุมแล้ว 12 ราย และสืบทราบว่ากลุ่มเหล่านี้ตั้งออฟฟิซอยู่ที่ปอยเปต กัมพูชา จึงได้ประสานงานกับ พล.ต.อ.ซอ เทต ผบ.ตร.กัมพูชา เพื่อทลายจุดคอลเซ็นเตอร์ดังกล่าว  ซึ่งสามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้เพิ่มเติม  4 ราย  ทำหน้าที่โทรหลอกลวงผู้เสียหายให้โอนเงิน โดยจะนำตัวกลับไทยเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย  หลังจากนี้จะได้ร่วมกันกับเจ้าหน้าที่ทางการกัมพูชา เพื่อติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีอยู่ทั้งหมด เพื่อนำกลับมาดำเนินคดีที่ไทยจนถึงที่สุดต่อไป





#ทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์



 

ข่าวทั้งหมด

X