การนำแรงงานไทยเดินทางกลับจากอิสราเอล เมื่อเวลา 14.00 น.ของวันนี้ (19 ต.ค.2566) เครื่องบิน A340-500 ของกองทัพอากาศเที่ยวบินที่ 2 RTAF220เดินทางถึงท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยมี พลอากาศโท ชัยนาท ผลกิจ รองเสนาธิการทหารอากาศ ผู้แทนผู้บัญชาการทหารอากาศ ให้การต้อนรับ ผลการปฏิบัติภารกิจเป็นไปด้วยความเรียบร้อยตามที่กองทัพอากาศวางแผนไว้
ทั้งนี้ คนไทยในอิสราเอลที่เดินทางกลับสู่ประเทศไทยในเที่ยวบินที่ 2 มีจำนวน 136 คน แบ่งเป็นชาย 132 คน และหญิง 4 คน (ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ) โดยก่อนการเดินทางกลับประเทศไทยนั้น ได้มีการตรวจร่างกายเพื่อตรวจสอบความพร้อมบินของผู้โดยสารโดยทีมแพทย์ทหารอากาศ และการตรวจความปลอดภัยก่อนขึ้นเครื่องบินโดยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยบนอากาศยาน และมีลูกเรือดูแลอำนวยความสะดวกตลอดเส้นทางการบิน ซึ่งเมื่อเดินทางถึงสนามบินดอนเมือง ผู้โดยสารจะผ่านกระบวนการตรวจร่างกาย การตรวจคนเข้าเมือง การตรวจสอบสิทธิ ก่อนเดินทางไปสถาบันบำราศนราดูร เป็นลำดับต่อไป
สำหรับการอพยพคนไทยในเที่ยวบินที่ 3 กองทัพอากาศวางแผนนำ A340-500 จำนวน 1 เครื่อง ปฏิบัติภารกิจอีกครั้ง ในวันที่ 21 ตุลาคม 2566 ออกเดินทางในเวลา 09.00 น.โดยใช้เส้นทางบินเดิม
พลอากาศตรี บุญเลิศ อันดารา โฆษกกองทัพอากาศ ระบุว่า การบินรับแรงงานไทย มีแผนดำเนินการแบบเดิม ซึ่งกองทัพอากาศและการบินไทย ปฏิบัติอยู่แล้ว แต่หาสถานการณ์เปลี่ยนแปลง โดยแผน 2 จะมีการดำเนินการแบบแอร์บริดจ์ ( air bridge) คือการใช้เครื่องบินต่อระยะจากประเทศที่สาม จากอิสราเอลมาจอร์แดน หรือสถานที่อื่นๆ และเราพร้อม ในแผน 2 เมื่อได้รับการสั่งการ ซึ่งอาจจะมีการเปลี่ยนแปลง ในการเดินทางกลับเที่ยวที่ 4 และ 5 หากมีความเป็นไปได้จะรับคนไทยจากจุดที่จะสั้นลง
สำหรับ 3 แนวทางการนำกลับแรงงานไทย คือ
1.กลับมาโดยปลอดภัย
2.กลับมาถึงเมืองไทยโดยเร็วที่สุด และ
3.กลับมาถึงเมืองไทยให้ได้มากที่สุด เท่าที่จะสามารถทำได้ โดยกองทัพอากาศได้ดำเนินการไปแล้ว 2 เที่ยวบิน และเที่ยวบินที่ 3 จะเริ่มดำเนินการในวันที่ 21 ตุลาคมและกลับ 22 ตุลาคม หวังว่าจะสำเร็จลุล่วงได้เช่นเดียวกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากการตรวจสอบเอกสารตรวจคนเข้าเมืองแล้ว ได้มีหน่วยงานต่าง ๆ เข้ามาดูแล เช่น กระทรวงแรงงาน ดูแลเรื่องสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ เช่น สมาชิกกองทุน เพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานในต่างประเทศ จะชี้แจงสิทธิ์ยื่นขอรับเงินสงเคราะห์จำนวน 15,000 บาท โดยสามารถยื่นได้ที่สำนักงานจัดหางานทุกจังหวัดและสำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-10 นางสาวบุณยวีร์ ไขว้พันธุ์ รองอธิบดีกรมการจัดหางานกล่าวว่า จะให้การดูแลอย่างครอบคลุม ทั้งในกรณีที่แรงงานยังคงต้องการไปทำงานต่างประเทศ แต่ไม่ต้องการกลับไปที่ประเทศอิสราเอลแล้ว จะมีงานในประเทศอื่นให้พิจารณา เช่น งานภาคเกษตรในประเทศเกาหลี ขณะที่ผู้ที่ต้องการกลับไปทำงานที่ประเทศอิสราเอลเช่นเดิมสามารถกลับไปทำได้โดยมีการประสานงานกับบริษัทที่ประเทศอิสราเอลไว้ 12 บริษัท รวมทั้งดูแลจัดหางานในตำแหน่งว่างทั่วประเทศไทย ซึ่งขณะนี้มีอยู่ประมาณ 60,000 ตำแหน่ง โดยเฉพาะงานประเภทเกษตร เพื่อรองรับผู้ที่ต้องการทำงานต่อ รวมไปถึงจะมีการส่งเสริมอาชีพอิสระ ผ่านกองทุนรับงานไปทำที่บ้าน
ด้านกระทรวงยุติธรรม จะดูแลแรงงานในการไกล่เกลี่ยระงับหนี้สินจากเจ้าหนี้หรือสถาบันการเงินต่างๆ โดยมีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ และกรมบังคับคดี ดูแลส่วนที่เกี่ยวข้อง
#รับแรงงานไทย
#กองทัพอากาศ