หลังนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ตรวจความเรียบร้อยการก่อสร้างท่าเรือแหลมฉบังระยะที่ 3 โดย พบว่า งานถมทะเลล่าช้า ในวันนี้ การท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) พร้อมด้วยกลุ่มกิจกรรมร่วมค้า CNNC และผู้ควบคุมงานก่อสร้างท่าเรือแหลมฉบังระยะที่ 3 โดยนายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม (หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านการขนส่ง) พร้อมด้วย การท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) และกลุ่มกิจกรรมร่วมค้า CNNC ผู้ควบคุมงานก่อสร้างท่าเรือแหลมฉบังระยะที่ 3 แถลงความคืบหน้าของโครงการ
นายเกรียงไกร ไชยศิริวงศ์สุข ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) เปิดเผยว่า การแถลงข่าวครั้งนี้ เพื่อสร้างความมั่นใจว่าการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังระยะที่ 3 เป็นไปตามแผนงาน ซึ่งผู้รับเหมาให้ความมั่นใจว่าสามารถดำเนินการทำงานก่อสร้างแล้วเสร็จตามสัญญา มี 2 ส่วน คือ ส่วนแรกต้องมีการส่งมอบพื้นที่ถมทะเลในส่วนF1 จะเป็นในส่วนส่งมอบงานให้กับผู้ได้รับสัญญาสัมปทานกลุ่ม GPC ซึ่งทางด้านผู้รับเหมาได้ชี้แจงว่า จะดำเนินการแล้วเสร็จในเดือนมิถุนายน 2567 ส่วนงานก่อสร้างด้านอื่นๆก็จะสามารถส่งมอบให้ตามสัญญาคือมิถุนายน 2569
โดยเฟส 3 นี้จะมีงานก่อสร้างส่วนที่ 2 ส่วนที่ 3 ส่วนที่ 4 ซึ่งการท่าเรือดำเนินการอยู่ให้เป็นไปตามแผนงาน อย่างไรก็ตาม จะทยอยเปิดเป็นระยะ ระยะที่ 1 จะเปิดก่อนหรือ F1 ในปี 2570 จนว่าโครงการแล้วเสร็จปี 2581 เป็นโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังล่วงหน้า 15 ปี การก่อสร้างต่างๆก็จะดำเนินการเป็นไปตามสัญญาและแผนงานที่เราตั้งไว้ทุกประการ หากดำเนินการไม่เสร็จ มีการกำหนดชัดเจน ยกเลิกสัญญา จุดแรกคือมิถุนายนปี 2567 ซึ่งเป็นไปตามเงื่อนไขสิทธิระเบียบสัญญาและตามระเบียบกรมบัญชีกลาง
ส่วนกรณีที่เอกชนผู้รับจ้างถูกปรับค่างานก่อสร้างงานทางทะเลในส่วนของงานพื้นที่ถมทะเล 1 (Key Date 1), พื้นที่ถมทะเล 2 (Key Date 2) ในโครงการท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 จะกระทบต่อแผนดำเนินงานในปัจจุบันหรือไม่นั้น ตามระเบียบของกรมบัญชีกลางให้สิทธิการจ่ายค่าปรับเป็น 0% นับจากวันที่เลยกำหนดของสัญญา ในเดือน พ.ค. 68 ระยะเวลา 422 วัน ทั้งนี้ กทท. ได้กำหนดบทลงโทษชำระค่าปรับแก่ผู้รับจ้างหากส่งมอบพื้นที่ถมทะเลล่าช้ากว่าแผนที่กำหนด ดังนี้
-งานพื้นที่ถมทะเล 1 (Key Date 1) จ่ายค่าปรับ จำนวน 150,000 บาทต่อวัน
-พื้นที่ถมทะเล 2 (Key Date 2) จ่ายค่าปรับ จำนวน 500,000 บาทต่อวัน และ
-พื้นที่ถมทะเล 3 (Key Date 3) จ่ายค่าปรับ จำนวน 2,500,000 บาทต่อวัน
ด้าน น.ส.ลัลลิฬา จิตร์สม ผู้อำนวยการโครงการร่วมโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังระยะที่ 3 ส่วนที่ 1 งานก่อสร้างงานทางทะเลกิจการร่วมค้า CNNC กล่าวว่า ในส่วนของสัญญาการชำระค่าปรับงานก่อสร้างงานถมทะเลทั้ง 3 ส่วน เบื้องต้นผู้รับเหมาได้ขอใช้สิทธิตามมาตรการของรัฐในช่วงเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยยื่นหนังสือถึงผู้ว่าจ้าง ซึ่งได้รับการพิจารณาบางส่วนแล้ว ดังนี้ งานพื้นที่ถมทะเล 1 (Key Date 1) ระยะเวลา 168 วัน, พื้นที่ถมทะเล 2 (Key Date 2) ระยะเวลา 168 วัน และพื้นที่ถมทะเล 3 (Key Date 2) ระยะเวลา 221 วัน ปัจจุบันอยู่ระหว่างรอคณะกรรมการ (บอร์ด) กทท. พิจารณาเห็นชอบ
ปัจจุบันผู้รับเหมาถูกจ่ายค่าปรับในส่วนงานถมทะเลทั้ง 3 ส่วน จำนวน 600 ล้านบาท หากการยื่นหนังสือครั้งนี้ไม่ได้รับการอนุมัติให้ยกเว้นการจ่ายค่าปรับจะทำให้ผู้รับเหมาถูกจ่ายค่าปรับเพิ่มขึ้นตามที่กำหนด
โดยบริษัทยืนยันไม่มีปัญหาสภาพคล่องทางการเงินแต่อย่างใด ขณะนี้ผู้รับเหมามีบริษัทพาร์ทเนอร์ที่ระดมเงินทุนสามารถนำมาช่วยเสริมสภาพคล่องได้ ว่า ขณะเดียวกันผู้รับเหมาเตรียมทำหนังสือถึงกรมบัญชีกลางในการพิจารณาการจ่ายค่าปรับเป็น 0% เนื่องจากผู้รับเหมาได้รับผลกระทบในสัญญา ช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19
สำหรับแนวทางการบอกเลิกสัญญาโครงการฯ มีเงื่อนไขดังนี้
1.มีผลงานไม่ถึง ร้อยละ 25 ของวงเงินตามสัญญา
2.มีผลงานรายเดือนไม่ถึงร้อยละ 50 ของแผนใหม่ และมีผลงานสะสมไม่ถึงร้อยละ 50 ของวงเงินตามสัญญา โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 67 เป็นต้นไป
3.มีผลงานสะสมไม่ถึงร้อยละ 65 ของวงเงินตามสัญญาของวงเงินตามสัญญา มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 68 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ ตามเงื่อนไขบอกเลิกสัญญากำหนดให้ผู้รับเหมาต้องดำเนินการก่อสร้างถมทะเลคืบหน้า ร้อยละ 37.5 เพิ่ม ร้อยละ 23.5 จากเดิมในปัจจุบันผู้รับเหมาได้ดำเนินการถมทะเลทั้ง 3 ส่วน คืบหน้า ร้อยละ 13.26 ล่าช้า ร้อยละ 1.87
นายเกรียงไกร ระบุว่า เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน เพราะผู้รับเหมาเองมีความมุ่งมั่นและตั้งใจและรับทราบเองว่า หากทำไม่ได้จะถูกยกเลิกสัญญา หลังปรับการทำงาน จากเดิมโครงการมีเครื่องจักรทางน้ำรวมทั้งหมด 39 ลำ ทั้งนี้มีแผนการทำเครื่องจักรอุปกรณ์เข้ามาขั้นต่ำ 25 ลำปฏิบัติเข้ามาแล้ว 17 ลำและกิจการร่วมค้าประเมินสถานการณ์ หากยังไม่เพียงพอจะนำเข้ามาเพิ่มเติมอีก , เพิ่มจำนวนผู้ปฏิบัติงานจากเดิมที่มี 200 คนเพิ่มอีกเท่าตัวรวมเป็น 400 คน เพิ่มทีมบุคลากรและแรงงานเข้ามาปฏิบัติงานพร้อมกับเครื่องจักรทางทะเลที่ 6 ชุด , ปรับเปลี่ยนวิธีการดำเนินงาน โดยการเพิ่มจำนวนชั่วโมงการทำงานและปรับเวลาทำการของแต่ละช่วงให้มากกว่าปัจจุบัน จะทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า , จัดลำดับขั้นตอนใหม่ และปรับปรุงแนวทางบริหารโครงการใหม่ เพื่อให้ได้ส่งมอบงานตามสัญญา ซึ่งจะเป็นการทำให้นักลงทุนเกิดความมั่นใจเพื่อให้โครงการเฟส 3 เป็นไปตามแผนงาน
สำหรับ โครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 เป็นการเพิ่มขีดความสามารถรองรับตู้สินค้าจาก 11 ล้านทีอียูต่อปี เป็น 18 ล้าน ทีอียูต่อปี โดยเพิ่มสัดส่วนสินค้าผ่านท่าทางรถไฟของ ทลฉ. จากร้อยละ 7 เป็นร้อยละ 30 เพิ่มขีดความสามารถในการรองรับรถยนต์จาก 2 ล้านคันต่อปีเป็น 3 ล้านคันต่อปี
กทท. ลงนามสัญญาก่อสร้างโครงการพัฒนาท่าเรือแฉลมฉบัง ระยะที่ 3 (ส่วนที่1) ร่วมกับกิจการร่วมค้า CNNC เริ่มตั้งแต่ 5 พ.ค. 64 สิ้นสุดวันที่ 3 พ.ค.68 รวม 1,460 วัน แต่ประสบปัญหาสถานการณ์โควิด-19ทำให้เกิดความล่าช้าในการดำเนินการ เมื่อสถานการณ์คลี่คลายได้ออกมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการ
#ท่าเรือแหลมฉบัง
#การท่าเรือแห่งประเทศไทย