แนวโน้มไทยขาดดุลการค้าจีนเพิ่ม ศูนย์วิจัยกสิกรไทยแนะเปิดทางอุตสาหกรรมใหม่ขับเคลื่อนส่งออก

23 มีนาคม 2567, 12:11น.


          ศูนย์วิจัยกสิกรไทย (KResearch) เผยแพร่รายงาน ระบุว่าแนวโน้มไทยขาดดุลการค้าจีนเพิ่มขึ้น สะท้อนปัญหาเชิงโครงสร้างการส่งออกของไทย โดยระบุว่า ไทยขาดดุลการค้ากับจีนมาตลอด ณ สิ้นปี 2566 ขาดดุลสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ -36,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยสินค้าสำคัญที่ขาดดุลการค้ากับจีน คือ เครื่องจักรและเครื่องอุปกรณ์ไฟฟ้า เครื่องจักร รวมถึงสินค้าประเภทรถยนต์ ขณะที่ สินค้าที่ไทยเกินดุลการค้ากับจีน คือ ผลไม้สด ยางพารา และไม้ ซึ่งในระยะข้างหน้า การขาดดุลการค้ากับจีนมีแนวโน้มสูงขึ้น จากการส่งออกของไทยในภาพใหญ่ ที่ยังไม่มีอุตสาหกรรมใหม่ที่จะเข้ามาทดแทน และเป็นตัวขับเคลื่อนการส่งออกในระยะข้างหน้า





          ทั้งนี้ ไทยส่งออกสินค้าไปจีนเป็นอันดับที่ 2 ที่ร้อยละ 12 และนำเข้าจากจีนเป็นอันดับที่ 1 ที่ร้อยละ 24 ซึ่งไทยขาดดุลการค้ากับจีนมาโดยตลอด จนถึงสิ้นปี 2566 ไทยขาดดุลการค้ากับจีนสูงสุดเป็นประวัติการณ์



          สินค้าสำคัญที่ไทยขาดดุลการค้า คือ เครื่องจักรและเครื่องอุปกรณ์ไฟฟ้า ร้อยละ 33.8 รองลงมาคือเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ บอยเลอร์ เครื่องจักร เครื่องใช้ร้อยละ 14.7 รวมถึงสินค้าประเภทรถยนต์ร้อยละ 7.5



          สินค้าที่ไทยเกินดุลการค้า คือ ผลไม้สด ร้อยละ 35.8 รองลงมาคือ ยางพารา ร้อยละ 23.4 และไม้ร้อยละ 7.8 ซึ่งเป็นสินค้าเกษตรกรรมที่มูลค่าไม่สูงเพียงพอที่จะชดเชยมูลค่าสินค้าที่ขาดดุลได้



          การขาดดุลสินค้าประเภทรถยนต์เร่งตัวขึ้น เมื่อเทียบโครงสร้างสินค้าที่ไทยขาดดุลกับจีนในปี 2560 กับ 2566 พบว่าไทยขาดดุลสินค้าประเภทรถยนต์กับจีนเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 0.3 มาอยู่ที่ร้อยละ 7.5 ของสินค้าไทยทั้งหมดที่ขาดดุลกับจีน โดยสัดส่วนที่ขาดดุลมาจากรถยนต์และยานยนต์อื่น ๆ ที่ออกแบบสำหรับขนส่งบุคคลเป็นหลัก ร้อยละ 60.3 และส่วนประกอบและอุปกรณ์ของยานยนต์ ร้อยละ 27.2 ซึ่งเกิดจากการที่บริษัทรถยนต์จากจีนเข้ามาตั้งโรงงานประกอบรถยนต์ในไทย และยังมีแนวโน้มที่จะขาดดุลสินค้าประเภทรถยนต์มากขึ้น เนื่องจากการที่บริษัทเหล่านี้มีการนำเข้าชิ้นส่วนรถยนต์จากจีนด้วยเช่นกัน



          ผลไม้เป็นสินค้าที่ไทยเกินดุลกับจีนเป็นอันดับที่หนึ่งแทนที่ยางพารา เนื่องจากความต้องการที่ลดลง ประกอบกับประเทศเพื่อนบ้านและจีนเองปลูกยางพาราเพิ่มมากขึ้น



          ผลไม้กลายเป็นสินค้าที่ไทยเกินดุลกับจีนเป็นอันดับที่ 1 มีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ร้อยละ 37 ส่วนใหญ่คือทุเรียน ที่ร้อยละ 14 แต่ก็มีแนวโน้มที่จะเผชิญกับการแข่งขันที่สูงขึ้น เนื่องจากเพื่อนบ้านอย่างเวียดนามมีการปลูกและพัฒนามากขึ้น



           เมื่อพิจารณาจากโครงสร้างการค้าไทยกับจีน การขาดดุลการค้ากับจีนมีแนวโน้มสูงขึ้น เนื่องจาก



1. สินค้าที่ไทยขาดดุลกับจีนเป็นสินค้ามูลค่าสูง มีการใช้เทคโนโลยีการผลิต ขณะที่สินค้าที่ไทยเกินดุลเป็นสินค้าเกษตรจำพวกผลไม้ ซึ่งปัจจุบันการแข่งขันเริ่มสูง



2. สินค้าอุปโภคบริโภคจากจีนทะลักเข้ามาในประเทศ โดยเฉพาะเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน เนื่องจากจีนมีข้อได้เปรียบเรื่องต้นทุนการผลิต และสินค้าจากจีนได้รับข้อยกเว้นการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับสินค้าที่มีมูลค่าไม่เกิน 1,500 บาท ซึ่งกำลังมีการทบทวนข้อยกเว้น



3. ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างสหรัฐฯ และจีน ส่งผลให้การส่งออกสินค้าขั้นกลางที่เคยส่งออกไปจีนมีแนวโน้มลดลง เนื่องจากบริษัทต่างชาติย้ายฐานการผลิตออกจากจีน รวมถึงบริษัทในจีนได้มีการออกไปลงทุนนอกประเทศมากขึ้นเพื่อเลี่ยงมาตรการกีดกันทางการค้า



           ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่าแนวโน้มการขาดดุลการค้ากับจีนที่เพิ่มขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นการสะท้อนปัญหาเชิงโครงสร้างการส่งออกของไทยในภาพใหญ่ที่ไทยยังไม่มีอุตสาหกรรมใหม่ที่จะเข้ามาทดแทนและเป็นตัวขับเคลื่อนการส่งออกในระยะข้างหน้า เช่นเวียดนามที่มีอุตสาหกรรมการผลิต semiconductor ดังนั้น หากไทยยังไม่มีการปฏิรูปเชิงโครงสร้าง ทิศทางการส่งออกของไทยในระยะข้างหน้านอกจากจะมีแนวโน้มเติบโตต่ำลง การเกินดุลการค้าที่มีแนวโน้มลดลงจะเป็นตัวลดทอนเสถียรภาพทางเศรษฐกิจไทยในระยะข้างหน้าอีกด้วย





อ่านฉบับเต็มได้ที่ https://kresearch.co/4alSxmu



#ศูนย์วิจัยกสิกรไทย



#การส่งออก



 

ข่าวทั้งหมด

X