นักวิชาการไทย แนะจับตา จีน ตัวแปรศึกเมียนมา-กลุ่มชาติพันธ์ เจรจาก่อนคุมพื้นที่เมียวดี

16 เมษายน 2567, 11:25น.


          สำนักข่าวชายขอบ รายงานสถานการณ์ในเมียวดี ประเทศเมียนมา ภายหลังกองปลดปล่อยแห่งชาติกะเหรี่ยง Karen National Liberation Army-KNLA สหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (Karen National Union-KNU) และ กองทัพประชาชน (People’s Defense Force-PDF) เข้ายึดฐานทหารของสภาบริหารแห่งรัฐพม่า (SAC) ในเมืองเมียวดีได้ทั้งหมดแล้ว โดยกำลังทหาร KNLA/PDF ควบคุมภายในฐานกองพัน 275 บ้านผาซอง ของกองทัพพม่า และพื้นที่ชั้นในทั้งฐานกองพัน 355,356,357 และ บก.ควบคุมที่ 12 บ้านตี่งาหยี่หน่อง Thing NgaNyo Naung



          พ.อ.เนอดาทู ผู้บัญชาการหน่วยปฏิบัติการพิเศษ กองพล 6 กองทัพปลดปล่อยชาติกะเหรี่ยง (Karen National Liberation Army-KNLA ) แห่งสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (Karen National Union-KNU)เปิดเผยว่า กองกำลังผสมได้ยึดพื้นที่เมืองเมียวดีได้กว่า 90% แล้ว เหลือเพียงกำลังทหารพม่าเกือบ 200 นายที่หนีไปอยู่บริเวณด่านพรมแดนเมียวดี 2 สะพานมิตรภาพไทยเมียนมาแห่งที่ 2 ตั้งแต่วันที่ 11 เม.ย.67 ซึ่งทาง KNLA/KNU อยู่ระหว่างการเจรจาให้มอบตัวภายใน 2-3 วันนี้ ระหว่างการมอบตัวเพื่อข้ามมายังประเทศไทย กับการวางอาวุธและมอบตัวกับทาง KNLA หากยังไม่ตัดสินใจก็อาจต้องเริ่มปฏิบัติการทางทหารอีกครั้ง ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ต้องการทำเพื่อปกป้องประโยชน์สาธารณะ เนื่องจากบริเวณนั้นเป็นพื้นที่สำคัญทางเศรษฐกิจชายแดนไทย-เมียนมา



          สาเหตุที่กองทัพ KNLA/KNU ยังไม่ประกาศชัยชนะเหนือเมืองเมียวดี เพราะต้องการปกป้องประชาชนจากกองทัพพม่า โดยเฉพาะในเขตเมือง เรายึดผลประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง ซึ่งในเขตเมืองเมียวดีเรียกว่าระบบราชการล่มไปแล้ว เหลือเพียงที่ด่านพรมแดนเพื่อเปิดให้ประชาชนทั้งสองฝั่งเดินทางได้ โดยตั้งเป้าให้ปฏิบัติการทางทหารแล้วเสร็จภายในเดือนเมษายนนี้ เพื่อให้เข้าสู่การบริหารจัดการทางการเมือง โดยสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง KNU จะต้องพูดคุยกับกองกำลังชาติพันธ์ุกลุ่มอื่นๆ ทั้ง กองกำลัง KNAหรือBGF และ DKBA ที่คุมพื้นที่ในเมืองเมียวดี โดยขณะนี้วางตัวเป็นกลางและไม่สนับสนุนกองทัพพม่า



          ส่วนทหารพม่าและครอบครัวที่มอบตัวกว่า 600 คน ก่อนหน้านี้ยังอยู่ในการดูแลของกองทัพ KNLA ขณะที่กองกำลังทหารราบของกองทัพพม่าที่เคลื่อนทัพพร้อมรถหุ้มเกราะและรถถังที่เมืองก็อกกะเร็กกองกำลังผสมได้สกัดกั้นจนถอยร่นออกไปแล้ว ระยะเวลาหลังจากนี้จึงยังต้องควบคุมพื้นที่ภายในเมืองเมียวดีให้ได้โดยเร็วที่สุดด้วย เพื่อไปสู่เป้าหมายกอบกู้มหารัฐกลอทูเล ภายใต้ปฏิบัติการทอแม่ป้า ( Taw Mae Pha Operation)



          รศ.ดร.ดุลยภาค ปรีชารัชช รองผู้อำนวยการสถาบันเอเชียตะวันออกศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์  กล่าวว่า “ตัวแปรในศึกเมียวดีที่สำคัญมากคือจีน ขณะนี้พญามังกรล้อมประเทศไทยแล้ว ผ่านว้าที่ท่าขี้เหล็ก รัฐฉานใต้ มีการเคลื่อนไหวทางยุทธศาสตร์ ลุ่มน้ำโขงจีนก็คุม จีนคุมสาละวินด้วย ลุ่มน้ำเมยก็ทุนจีน จะสีอะไรก็ตามแต่สำหรับไทย การบริหารจัดการชายแดนจะดีลกับกลุ่มไหน จีนคุมหมด” ประเมินแล้วว่ารัฐบาลเงา NUG และกองกำลังชาติพันธุ์ต่างๆ ถือครองดินแดนได้แล้ว 50-60% แต่เมืองใหญ่ เช่น ย่างกุ้ง มัณฑะเลย์ และเมืองทางการทหารบกพม่า 10 กว่าแห่ง ยังไม่ถูกยึดครอง โดยกองทัพพม่ายึดได้ คือใจกลางพม่าและเมืองทหารต่างๆ แต่พื้นที่ป่าเขา ตำบลต่างๆ น่าจะครึ่งๆ หรือมากกว่านั้นที่เสียไป  พล.อ.มินอ่องหลาย น่าจะอยากรักษาแนวส่งยุทธปัจจัยจากเนปีดอว์มาย่างกุ้งและมะละแหม่ง คุมมาถึงเมียวดี เป็นเส้นสำคัญที่ต้องรักษา หากในอนาคตกองกำลังคะเรนนี KNPP, KNU, PDF ล้อมย่างกุ้งหรือชานเมืองเนปีดอว์



          ส่วนเขตรัฐฉานใต้ เมืองตองจี เชียงตุง ยังไม่ถูกตีแตกจากฝ่ายไหน แต่มีข่าวว่า กองกำลังสหรัฐว้าและบทบาทของจีนที่สนิทกัน และมีทุนจีนสีเทาอยู่ที่ท่าขี้เหล็ก นักธุรกิจว้าเข้ามาคุม การเรืองอำนาจของว้าแดง ธุรกิจ และยาเสพติด ทำให้จังหวัดชายแดนภาคเหนือ เชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน มีความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและยุทธศาสตร์



          รศ.ดุลยภาพกล่าวว่า กองทัพสภากอบกู้รัฐฉาน RCSS ของ พล.อ.เจ้ายอดศึก คงรอประเมินท่าทีเพื่อการตัดสินใจ โดยมีการสะสมกำลังทหารเป็นระยะๆ เจ้ายอดศึกและRCSS ไม่เหมือน KNU ที่ร่วมหัวจมท้ายกับ NUG เพราะหาก RCSS รบกับทหารพม่า ว้าแดงก็อาจตลบหลังและยึดเมืองทางรัฐฉานใต้ได้ ได้ข่าวว่า RCSS ขยับเกมใหม่ เจ้ายอดศึกมีแนวโน้มเป็นประธานกองกำลังติดอาวุธ 7-8 กลุ่ม ที่เคยลงนามหยุดยิง NCA ที่เปิดช่องให้เจรจากับกลุ่มปฏิวัติด้วย มีปะโอ มอญใหม่ ชิน และอื่นๆ จะเป็นตัวแปรสำคัญในอนาคตพม่า



 



 



#เมียนมา



CR:สำนักข่าวชายขอบ 

ข่าวทั้งหมด

X