หลังการเข้าพบพล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ของคณะเอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์กจากประเทศต่างๆโดยมีทูตกว่า 15 ประเทศเข้าพบ ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต. วีรชน สุคนธปฎิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกฯได้ชี้แจงถึงสถานการณ์ต่างๆในประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม 2557 และความจำเป็นในการทำรัฐประหารตลอดจนภาพรวมของประเทศถึงปัจจุบันพร้อมทั้งได้ชี้แจงถึงโรดแม็ปของรัฐบาลในการจัดการเลือกตั้งและนำประเทศเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตยในอนาคต ซึ่งนายกฯได้ชี้แจงว่าถ้ามีการทำประชามติจริงก็คาดว่าในเดือนสิงหาคม 2559 จึงจะสามารถเลือกตั้งได้ พร้อมชี้แจงกับทูตว่ารัฐบาลดำเนินการทุกอย่างไปตามกฎหมายและไม่เคยเข้าแทรกแซงการทำงานของฝ่ายใด นอกจากนี้นายกฯได้เน้นย้ำให้องค์การสหประชาชาติและประเทศต่างๆช่วยกันแก้ไขปัญหาความยากจน ความขัดแย้งและให้ความสำคัญกับภาคเกษตรให้มากขึ้นในประชาคมโลก โดยได้ยกตัวอย่างกรณีโรฮิงญาว่า ปัญหานี้เกิดจากความไม่เท่าเทียมกันในสังคมตั้งแต่อดีตจนพัฒนามาเป็นความขัดแย้ง ซึ่งไทยมองว่าทุกประเทศจะต้องร่วมมือกันแก้ไขปัญหาทั้งระบบ
นอกจากนี้ยังมีการหารือในประเด็นอื่นๆ เพิ่มด้วย แต่ที่ประชุมไม่มีการพูดถึงการใช้มาตรา44 หรือการขอให้ยกเลิกการใช้มาตรา 44 หรือประเด็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนในไทย ซึ่งคณะเอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์กจากประเทศต่างๆ แสดงความเข้าใจและเชื่อมั่นการทำงานของรัฐบาลเป็นอย่างดีพร้อมทั้งชื่นชมการพัฒนาประเทศตามแนวเศรษฐกิจพอเพียงและจะนำไปปรับใช้ด้วย พร้อมทั้งฝากให้กำลังใจคนไทยและยังได้เชิญนายกฯเข้าหารือร่วมกันอีกครั้งในการประชุมประจำปีของสมัชชาสหประชาชาติในเดือนกันยายนนี้ด้วย
ผู้สื่อข่าว:ธีรวัฒน์ สิทธิเกรียงไกร