ดีอี ยืนยัน กรณี CrowdStrike และระบบ Windows ล่มทั่วโลก ไม่กระทบเครือข่ายมือถือ-อินเทอร์เน็ตในไทย

20 กรกฎาคม 2567, 12:10น.


          นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยว่า กรณีระบบการให้บริการของ บริษัท CrowdStrike  ซึ่งเป็นบริษัทรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ของสหรัฐอเมริกาเกิดข้อผิดพลาด ส่งผลให้ระบบปฏิบัติการ Windows ขัดข้องนั้น ดีอี ได้ดำเนินการดังนี้



1. ตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้น ยังไม่พบว่ากรณีดังกล่าว มีผลกระทบต่อ เครือข่ายโทรคมนาคม โทรศัพท์เคลื่อนที่-อินเทอร์เน็ต รวมทั้ง ระบบสื่อสารและการเดินอากาศของบริษัท วิทยุการบิน



2. ดีอี ประสานกับสำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) เพื่อติดตามสถานการณ์ เฝ้าระวัง อย่างใกล้ชิด พบว่ามีผลกระทบกับบางระบบงานในไทยบ้าง ซึ่งอยู่ระหว่างการประมวลข้อมูล ทั้งนี้ กรณีที่ได้รับการแจ้ง ทาง สกมช. พร้อมให้ความช่วยเหลืออย่างทันที



3. สกมช. ได้มีคำแนะนำ สำหรับหน่วยงานรัฐและเอกชน ที่ได้รับผลกระทบ วิธีการแก้ไขในเบื้องต้นดังนี้



          ขั้นตอนที่ควรทำหากยังประสบปัญหาการ Reboot ซ้ำๆ



• บูตเข้าสู่ Safe Mode (ตามคำแนะนำอย่างเป็นทางการของ CrowdStrike) ขั้นตอนต่อไปนี้ทำได้ทุกกรณี



แม้ว่าระบบจะไม่มี local admin account ในเครื่องและไม่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต



• ให้ระบบบูตและ crash สามครั้ง ซึ่งจะทำให้เมนูปรากฏ



• คลิก Troubleshoot



• คลิก Advanced Options



• คลิก Command Prompt



• หากเป็นระบบที่ใช้การป้องกันด้วย BitLocker จะต้องป้อนรหัสการกู้คืน BitLocker ของหน่วยงานนั้น



• หาก BitLocker ถูกจัดการผ่าน Microsoft Intune สามารถค้นข้อมูลได้ที่ https://myaccount.microsoft.com ภายใต้เมนู "device" ตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้จับคู่ชื่อโฮสต์ของอุปกรณ์และ ID ของคีย์



• หากไม่สามารถค้นหาข้อมูลใน Microsoft Intune ได้ให้ติดต่อเพื่อขอรับ Recovery Key BitLocker จากผู้ดูแลระบบ IT ของหน่วยงาน



• ในหน้าต่าง Command Prompt ให้พิมพ์คำสั่งต่อไปนี้ ตามด้วยปุ่ม Enter:



• คำเตือน: Command Prompt เริ่มต้นที่ไดรฟ์ X: กรุณาอย่าลืมเปลี่ยนเป็น c: โดยพิมพ์คำสั่งเหล่านี้อย่างถูกต้อง



• c:



• cd windows



• cd system32



• cd drivers



• cd crowdstrike



• del C-00000291*



• exit



• คลิก continue to Windows



          ขั้นตอนสำหรับผู้ใช้งานระบบ Cloud สาธารณะหรือคล้ายคลึง รวมถึง Virtual Machines



ตัวเลือกที่ 1:



• Detach Volume disk ระบบปฏิบัติการออกจาก virtual server ที่ได้รับผลกระทบ



• Create a snapshot or backup of the disk volume ก่อนดำเนินการต่อไปเพื่อเป็นการป้องกันการเปลี่ยนแปลงที่ไม่ตั้งใจ



• Attach/mount volume กับ virtual server ใหม่



• ไปที่ไดเรกทอรี C:WindowsSystem32driversCrowdStrike



• ค้นหาไฟล์ที่ตรงกับ “C-00000291*.sys” และลบมันออก



• Detach volume ออกจาก virtual server ใหม่



• Reattach volume ที่ได้รับการแก้ไขกลับไปยัง virtual server ที่ได้รับผลกระทบ



ตัวเลือกที่ 2:



• ย้อนกลับไป snapshot ก่อนเวลา 04:09 UTC



          ขั้นตอนสำหรับ Azure ผ่านทางซีเรียลเพื่อเข้าสู่ Safe Mode



• เข้าสู่ระบบคอนโซล Azure --> ไปที่ Virtual Machines --> Select the VM



• ด้านซ้ายบนของคอนโซล --> คลิก: "Connect" --> คลิก --> Connect --> คลิก "More ways to Connect" --> คลิก: "Serial Console"



• เมื่อ SAC โหลดแล้ว ให้พิมพ์ 'cmd' และกด Enter



• พิมพ์คำสั่ง 'cmd'



• พิมพ์: ch -si 1



• กดปุ่มใดก็ได้ (หรือกดแป้น space bar) ใส่ Credential ของผู้ดูแลระบบ



• ป้อนคำสั่งดังนี้:



• bcdedit /set {current} safeboot minimal



• bcdedit /set {current} safeboot network



• Restart VM



• ตัวเลือกเพิ่มเติม: วิธีตรวจสอบสถานะการบูต รันคำสั่ง:



• wmic COMPUTERSYSTEM GET BootupState



          ข้อมูลเพิ่มเติม



-การทำตามขั้นตอนเหล่านี้จะไม่ทำให้ความปลอดภัยลดลง โดยหลังจากทำตามขั้นตอนข้างต้น CrowdStrike จะกลับมาทำงานตามปกติในระบบและระบบยังคงได้รับการป้องกัน



-CrowdStrike ได้ระบุสาเหตุของการอัปเดตที่ผิดพลาดว่าเป็นข้อบกพร่องในการอัปเดตเนื้อหา



(content update) ไม่มีข้อบ่งชี้ว่าเกิดจากการโจมตีทางไซเบอร์



-หากระบบได้รับการบูตแล้วและกลับมาออนไลน์ ไม่มีความจำเป็นต้องถอดถอน CrowdStrike



          อ้างอิงจาก https://www.eye.security/blog/crowdstrike-falcon-blue-screen-issue-updates



 ....



#กระทรวงดีอี



#ไอทีล่ม

ข่าวทั้งหมด

X