ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเสียงส่วนใหญ่ 5:4 ชี้ว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี มีความผิดในการแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรี อันเป็นการกระทำที่ไม่ซื่อสัตย์สุจริต อันเป็นการฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง ตามมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) ส่งผลทำให้นายเศรษฐาและคณะรัฐมนตรีทั้งคณะพ้นจากตำแหน่งด้วย คำวินิจฉัยตอนหนึ่งระบุว่า คำชี้แจงของนายเศรษฐาว่าเป็นนักธุรกิจ ประสบการณ์ทางการเมืองไม่มาก ฟังไม่ขึ้น รวมทั้งการสอบถามความเห็นถึงคุณสมบัติรัฐมนตรี ต่อคณะกรรมการกฤษฎีกา ไม่ได้เฉพาะเจาะจงตัวบุคคลที่จะแต่งตั้ง
เมื่อข้อเท็จจริงว่า รู้แต่กลับเสนอชื่อให้โปรดเกล้าฯแต่งตั้งเป็นกรณีการขาดความสุจริตเป็นที่ประจักษ์ ขาดคุณสมบัติรัฐมนตรีหรือไม่ เห็นว่า การเสนอชื่อดังกล่าว ไม่เหมาะสม แม้กฤษฎีกาจะให้ความเห็นทางกฎหมาย แต่ก็เป็นแค่คำเสนอ นายกฯก็ต้องใช้วิจารณญาณที่เหมาะสมได้ การอ้างว่าทำธุรกิจมาก่อนจึงอ้างไม่ได้ เพราะหลักเกณฑ์ซื่อสัตย์สุจริตเป็นหลักทั่วไป เป็นเรื่องสำคัญ การที่ไม่ได้ฟ้องคดีอาญา
การแต่งตั้ง นายพิชิต ทั้งที่เคยถอดชื่อไปก่อนหน้านี้เมื่อกันยายนปี 2566 แสดงให้เห็นว่านายเศรษฐา ไม่มีความสุจริตเป็นที่ประจักษ์ ใช้อำนาจหน้าที่นายกฯ แต่งตั้งให้ผู้ถูกร้องที่ 2 ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีโดยมิชอบ เป็นการกระทำที่ขัดกันประโยชน์ส่วนตนและส่วนรวม ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม เสียเกียรติศักดิ์นายกรัฐมนตรี เป็นการสมคบ สมาคมผู้มีชื่อเสียงเสื่อมเสียง กระทบศรัทธา มาตรฐานจริยธรรมตามพรป.ศาลรัฐธรรมนูญ องค์กรอิสระ 2561 ข้อ 7 – 8 -11-17-19 ที่ให้ใช้กับครม.
เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังว่านายเศรษฐา รู้พฤติกรรมของนายพิชิต แต่ยังเสนอแต่งตั้งให้เป็นรมต.ประจำสำนักฯแสดงว่า นายเศรษฐาไม่มีความสุจริตเป็นที่ประจักษ์ ฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรม ตุลาการเสียงข้างมาก 5 ต่อ 4 วินิจฉัยว่าความเป็นรัฐมนตรีนายกฯสิ้นสุดลงเฉพาะตัว ส่งผลทำให้ ครม.ต้องพ้นตำแหน่งทั้งคณะ
#เศรษฐาพ้นนายกฯ
#คณะรัฐมนตรีพ้นทั้งคณะ