แฮร์ริสและทรัมป์ โต้วาทีเดือดต่างอ้างความสำเร็จในการทำงาน

11 กันยายน 2567, 10:32น.


          นางกมลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ เผชิญหน้ากับนายโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ ตัวแทนพรรครีพับลิกัน ในการโต้วาทีครั้งสำคัญ จัดโดย ABC News ดำเนินรายการโดย นายเดวิด เมียร์ และนางลินด์ซีย์ เดวิส



          ซึ่งในภายหลังการโต้วาทีเสร็จสิ้น ทีมงานของนางแฮร์ริส ออกเผยแพร่รายงานแสดงความยินดีที่รองประธานาธิบดีสามารถตอบคำถามในประเด็นต่างๆ ได้อย่างชัดเจน ขณะที่ นายทรัมป์ ตกเป็นฝ่ายที่ถูกยั่วยุได้โดยง่าย ทั้งยังคงให้ข้อมูลที่เป็นเท็จอย่างต่อเนื่อง



          โดยในนโยบายทางเศรษฐกิจ นางแฮร์ริส กล่าวถึงนโยบายการสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจและช่วยเหลือครอบครัวที่มีเด็กเล็ก ขณะที่นายทรัมป์แสดงความพร้อมที่จะสานต่อนโยบายภาษีศุลกากรสินค้านำเข้า



          ส่วนในประเด็นเกี่ยวกับสิทธิในการทำแท้ง นายทรัมป์กล่าวว่า เขาต้องการให้รัฐต่างๆ มีอำนาจในการตัดสินใจในประเด็นนี้ ส่วนตัวแล้วเขาสนับสนุนการทำแท้งในกรณีที่มีการตั้งครรภ์จากการข่มขืน และการร่วมประเวณีระหว่างพี่น้อง ส่วนนางแฮร์ริสกล่าวย้ำถึงสิทธิในการตัดสินใจยุติการตั้งครรภ์โดยถูกต้องตามกฎหมาย



          และในประเด็นเกี่ยวกับการย้ายถิ่นฐาน นางแฮร์ริส กล่าวโทษว่าเป็นความผิดของนายทรัมป์ที่ทำให้ปัญหาชายแดนมีความรุนแรง เพราะเขาพยายามที่จะขัดขวางกฎหมายความปลอดภัยชายแดนที่ได้รับการสนับสนุนจากทั้งสองพรรค



          นางแฮร์ริส กล่าวด้วยว่า พันธมิตรนาโตรู้สึกขอบคุณที่นายทรัมป์ไม่ได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐ เพราะเขาอาจสนับสนุนรัสเซียยึดครองยูเครน ส่วนนายทรัมป์ ก็ตอบโต้นางแฮร์ริสว่าเป็นรองประธานาธิบดีที่แย่ที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐ และเธอไม่สามารถป้องกันสงครามได้ และเมื่อนางแฮร์ริส วิพากษ์วิจารณ์เรื่องการเจรจากับกลุ่มตอลีบานที่แคมป์เดวิด นายทรัมป์ก็ตอบกลับว่า เป็นเพราะกลุ่มตอลีบานคือผู้ก่อเหตุสังหาร และย้ำว่า การทำข้อตกลงที่นำไปสู่การถอนทหารสหรัฐออกจากอัฟกานิสถานคือข้อตกลงที่ดี แต่รัฐบาลของนายไบเดนกลับทำทุกอย่างพัง



          ในประเด็นสงครามอิสราเอล-ฮามาส นายทรัมป์ย้ำสิ่งที่สื่อสารมาตั้งแต่การโต้วาทีกับนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐ ว่าหากเขาเป็นผู้นำ จะไม่มีสงครามอิสราเอล-ฮามาส และสงครามรัสเซีย-ยูเครนตั้งแต่แรก และกล่าวหาว่านางแฮร์ริสเกลียดอิสราเอลและชาวอาหรับ ส่วนนางแฮร์ริส กล่าวว่าต้องมีการหยุดยิงเพื่อยุติสงคราม เพื่อนำตัวประกันกลับบ้าน จากนั้นจะมีการทำงานต่อเนื่อง พร้อมการทำงานตามนโยบายสองรัฐ และยืนยันว่าอิสราเอลมีสิทธิในการป้องกันตนเอง



          นางแฮร์ริส ยังกล่าวปกป้องการที่เธอตัดสินใจเปลี่ยนแปลงจุดยืนนโยบายเรื่องการลงทุนในแหล่งพลังงานที่หลากหลาย โดยระบุว่า มีความจำเป็นที่สหรัฐจะต้องเพิ่มการผลิตน้ำมันภายในประเทศ เพื่อลดการพึ่งพาน้ำมันจากต่างประเทศ



           ส่วนนายทรัมป์ ยังคงปฏิเสธที่จะยอมรับว่าเขาแพ้การเลือกตั้งในปี 2563 ซึ่งผู้ดำเนินรายการ บอกว่า เขาเคยพูดว่า เขาแพ้การเลือกตั้งไปแบบเฉียดฉิว แต่นายทรัมป์ บอกว่า เขา “ประชด" เท่านั้น



          และในการแถลงปิดท้าย ที่แต่ละคนมีเวลาสองนาที นางแฮร์ริส กล่าวว่า เธอต้องการสร้างเศรษฐกิจที่ดีสำหรับชาวอเมริกัน รักษาสถานะของอเมริกาบนเวทีโลก สร้างกองทัพที่เข้มแข็ง ปกป้องสิทธิของพลเมือง รวมทั้งสิทธิของสตรีเหนือร่างกายตนเอง



          ส่วนนายทรัมป์ นางแฮร์ริส อยู่ในอำนาจมาเกือบสี่ปีแล้ว แต่ก็ยังไม่เห็นว่ามีการทำงานใดที่บรรลุเป้าหมาย



          การโต้วาทีในครั้งนี้ สถานีโทรทัศน์ ABC เจ้าภาพมีการปรับระดับความสูงของฐานแท่นโพเดียม เพื่อให้ทั้งสองคนที่มีความสูงต่างกันมาก มีความไม่แตกต่างกันมากนักเมื่อปรากฏตัวทางโทรทัศน์ นายทรัมป์ สูง 6 ฟุต 3 นิ้ว ขณะที่ นางแฮร์ริส สูง 5 ฟุต 4 นิ้ว และเป็นการโต้วาทีที่ไม่มีผู้เข้าชม กับจะมีการปิดไมโครโฟนเมื่อผู้โต้วาที กล่าวจบ แต่ก็ยังสามารถได้ยินเสียงของทั้งสองคนกล่าวแทรกอีกฝ่ายเป็นระยะ



          โดยมีครั้งหนึ่งที่นางแฮร์ริส พูดขัดขึ้นมาในระหว่างที่นายทรัมป์ กำลังพูด เขาก็พูดขึ้นมาว่า "ฉันกำลังพูดอยู่" และหันไปหานางแฮร์ริส "นั่นฟังดูคุ้นๆ ไหม" ซึ่งเขาหมายถึงการโต้วาทีระหว่างนางแฮร์ริสกับนายไมค์ เพนซ์ อดีตรองประธานาธิบดี ในปี 2563 ที่นางแฮร์ริส บอกกับนายเพนซ์ว่า "ฉันกำลังพูดอยู่" เมื่อเขาขัดการพูดของเธอ



...



#กมลาแฮร์ริส



#โดนัลด์ทรัมป์



#เลือกตั้งสหรัฐ

ข่าวทั้งหมด

X