สถานการณ์ความตึงเครียดในภูมิภาคตะวันออกกลางที่มีแนวโน้มจะทวีความรุนแรงขึ้น กระทรวงการต่างประเทศและสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ รวมถึงสถานเอกอัครราชทูตไทยอื่น ๆ ในภูมิภาค ได้ร่วมกันติดตามและประเมินสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อกำหนดแนวทางการให้ความช่วยเหลือคนไทยอย่างเหมาะสม โดยให้ความสำคัญสูงสุดกับความปลอดภัยของคนไทยที่อาศัยอยู่ในพื้นที่
นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า ตั้งแต่ต้นเดือน ส.ค. 2567 กระทรวงฯ ได้ประกาศแจ้งเตือนให้คนไทยที่มีแผนจะเดินทางไปอิสราเอลหรือประเทศใกล้เคียง ใช้ความระมัดระวังในการเดินทางหรือชะลอการเดินทางหากไม่มีเหตุจำเป็น รวมทั้งขอให้คนไทยที่อยู่ในพื้นที่ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และปฏิบัติตามประกาศ/คำแนะนำของทางการท้องถิ่นและสถานเอกอัครราชทูตไทยในพื้นที่
จากนั้น เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2567 ปลัดกระทรวงฯ ได้เป็นประธานจัดการประชุมเพื่อประเมินสถานการณ์ในภูมิภาคตะวันออกกลาง โดยสั่งการให้สถานเอกอัครราชทูตไทยในพื้นที่ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารแก่คนไทยอย่างต่อเนื่อง ดังนี้
(1) แจ้งเตือนให้คนไทยที่ไม่มีเหตุจำเป็นต้องพำนักในอิสราเอลและประเทศใกล้เคียง เดินทางออกจากพื้นที่ขณะที่สถานการณ์ยังเอื้ออำนวยต่อการเดินทาง
(2) สั่งการให้สถานเอกอัครราชทูตไทยในพื้นที่ประสานงานกับหน่วยงานท้องถิ่นเกี่ยวกับการคลื่อนย้ายคนไทยไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย กรณีที่เกิดสถานการณ์การสู้รบที่อาจส่งผลต่อสวัสดิภาพของคนไทย
(3) ให้ข้อมูลติดต่อแก่คนไทยในอิสราเอลและประเทศใกล้เคียงเพื่อให้สามารถขอรับความช่วยเหลือได้ในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน อย่างไรก็ดี ปัจจุบัน กระทรวงการต่างประเทศ/สถานเอกอัครราชทูตไทย ยังไม่ได้รับคำขอเพื่ออพยพ
ในกรณีที่ต้องมีการอพยพคนไทย สถานเอกอัครราชทูตไทยในพื้นที่ได้จัดเตรียมแผนอพยพไว้แล้ว โดยเบื้องต้น จะเคลื่อนย้ายคนไทยไปยังพื้นที่ปลอดภัยภายในประเทศนั้น ๆ ก่อนเป็นลำดับแรก และหากสถานการณ์รุนแรงยิ่งขึ้น จึงจะพิจารณาการอพยพไปยังประเทศข้างเคียงที่ปลอดภัยและ/หรือเดินทางกลับประเทศไทยต่อไป
สำหรับประเด็นการจัดส่งแรงงานไทยไปอิสราเอล โดยที่สถานการณ์ฯ มีแนวโน้มที่จะทวีความรุนแรงขึ้น กระทรวงฯ เห็นควรให้ชะลอการจัดส่งแรงงานไทยไปอิสราเอลและประเทศใกล้เคียงจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย ซึ่งจะประสานงานกับกระทรวงแรงงานเพื่อกำหนดแนวทางการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวต่อไป
รัฐบาลติดตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยความห่วงกังวลยิ่ง โดยเรียกร้องให้ทุกฝ่ายใช้ความอดกลั้นอย่างสูงสุดและยุติการใช้ความรุนแรงในทุกรูปแบบ เพื่อป้องกันไม่ให้สถานการณ์ความขัดแย้งลุกลามบานปลายออกไปมากกว่านี้ รวมถึงขอให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเคารพกฎหมายระหว่างประเทศและให้ความสำคัญกับการเจรจาหยุดยิงให้บรรลุผลโดยเร็ว ทั้งนี้ ประเทศไทยสนับสนุนแนวทางสองรัฐที่มีอิสราเอลและปาเลสไตน์อยู่เคียงคู่กันอย่างมั่นคงและสันติ และะขอให้คนไทยทุกคนติดตามและปฎิบัติตามคำแนะนำของทางการท้องถิ่นและสถานเอกอัครราชทูตไทยในพื้นที่อย่างเคร่งครัด
#ตะวันออกกลาง
#แรงงานไทย
#อิสราเอล