หลังประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครงของฝรั่งเศส กล่าวในเวทีประชุมซัมมิตครั้งที่ 19 ขององค์การระหว่างประเทศของกลุ่มประเทศที่ใช้ภาษาฝรั่งเศส(OIF)ในกรุงปารีสเมื่อวานนี้ (5 ต.ค.)มีประเทศต่างๆกว่า 100 ประเทศทั่วโลกร่วมการประชุม แสดงความกังวลเรื่องสถานการณ์การสู้รบในเขตฉนวนกาซาและในเลบานอน ทั้งๆที่หลายฝ่ายเช่น สหรัฐฯและฝรั่งเศสเสนอให้คู่ขัดแย้งทำข้อตกลงหยุดยิง และวิจารณ์อิสราเอลกรณีส่งทหารบุกทางภาคพื้นดินเข้าไปยังเลบานอนเมื่อสัปดาห์ก่อน พร้อมเสนอแนะให้ชาติตะวันตกหยุดส่งออกอาวุธให้กับอิสราเอล
นายมาครงเห็นว่า ภารกิจเร่งด่วนในกรณีของเลบานอนคือ เลี่ยงการยกระดับเหตุรุนแรงให้สูงขึ้น และเห็นว่า เลบานอนไม่ควรจะมีสภาพเป็นเสมือนเขตฉนวนกาซาแห่งใหม่ด้วย สำนักนายกรัฐมนตรีอิสราเอลโพสต์คลิปวิดีโอในวันนี้แสดงให้เห็นนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮูของอิสราเอล วิจารณ์ข้อเสนอจากนายมาครงเรื่องการให้ชาติตะวันตกห้ามขายอาวุธให้กับอิสราเอลว่า เป็นเรื่องที่น่าเสียใจ เพิ่มเติมว่า บรรดาประเทศที่ไม่ยืนอยู่เคียงข้างอิสราเอล ย่อมจะสนับสนุนอิหร่าน ซึ่งถือเป็นศัตรูของอิสราเอล
นายเนทันยาฮูกล่าวว่า ขณะที่อิสราเอลยืนหยัดต่อสู้กับความป่าเถื่อนของอิหร่าน ทุกประเทศที่มีอารยะธรรมควรจะยืนหยัดเคียงข้างอิสราเอล แต่ปรากฏว่า ประธานาธิบดีมาครงและผู้นำคนอื่นๆของชาติตะวันตกกลับเสนอให้ผู้นำชาติตะวันตกหยุดขายอาวุธให้กับอิสราเอล แต่ต่อมา สำนักประธานาธิบดีมาครงออกแถลงการณ์ชี้แจงว่า ฝรั่งเศสยังคงยืนหยัดเป็นมิตรที่แน่นแฟ้นกับอิสราเอล และสนับสนุนการใช้สิทธิ์ของอิสราเอลในการป้องกันตนเอง พร้อมแสดงวิจารณ์ท่าทีของนายเนทันยาฮูต่อความเห็นของนายมาครงว่า เป็นปฏิกิริยาที่แรงเกินไป ซึ่งอาจจะกระทบความสัมพันธ์อิสราเอล-ฝรั่งเศส
สำหรับวันพรุ่งนี้(7 ต.ค.)จะครบ 1 ปีหลังกลุ่มฮามาสบุกโจมตีอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ต.ค.สังหารชาวบ้าน 1,200 ราย พร้อมจับตัวประกัน 251 คน ขณะเดียวกัน กระทรวงสาธารณสุขของกลุ่มฮามาสเปิดเผยว่า ตัวเลขผู้เสียชีวิตอยู่ที่กว่า 40,000 รายในเขตฉนวนกาซานับตั้งแต่อิสราเอลกับกลุ่มฮามาสเริ่มสู้รบกันในเดือนต.ค.ปีก่อน
#อิสราเอล
#ฝรั่งเศส
#การส่งออกอาวุธ