กระทรวงการคลังและกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ประกาศมาตรการลงโทษเพิ่มเติมต่อภาคอุตสาหกรรมน้ำมันของอิหร่าน จากเหตุโจมตีอิสราเอลหลายครั้ง และมีขึ้นในห้วงเวลาเดียวกันกับที่สถานการณ์ในภูมิภาคกำลังเพิ่มความรุนแรงมากขึ้น จากการที่อิสราเอลกำลังโจมตีกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซา พร้อมไปกับการโจมตีกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน ทั้งรับว่ากำลังพิจารณาตอบโต้อิหร่านต่อไป
อิหร่าน ยิงขีปนาวุธโจมตีอิสราเอลหลายครั้ง เพื่อตอบโต้การสังหารผู้นำกลุ่มฮามาสในอิหร่าน, การสังหารผู้นำกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ และนายพลอิหร่านในกรุงเบรุต เลบานอน
นายแอนโทนี บลิงเกน รัฐมนตรีการต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวในแถลงการณ์ว่าอิหร่านมีการโจมตีอิสราเอลอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม สหรัฐฯ จึงต้องการแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าจะมีการลงโทษอิหร่าน โดยให้ขึ้นบัญชีผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมน้ำมันและปิโตรเคมีของอิหร่าน เพื่อปิดเส้นทางการเงินที่จะนำไปใช้ในโครงการนิวเคลียร์และการพัฒนาขีปนาวุธ สนับสนุนกลุ่มก่อการร้ายและพันธมิตร ทำให้เกิดความขัดแย้งขึ้นทั่วตะวันออกกลาง นอกจากนี้ รัฐบาลของประธานาธิบดีโจ ไบเดน กำลังพิจารณาออกมาตรการคว่ำบาตรบุคคลใดก็ตามที่ยังคงมีส่วนร่วมในภาคปิโตรเลียมหรือปิโตรเคมีของอิหร่าน
อุตสาหกรรมน้ำมันและปิโตรเคมีของอิหร่าน ตกอยู่ภายใต้การคว่ำบาตรของสหรัฐฯ เป็นเวลานานแล้ว แต่ในมาตรการล่าสุดนี้มีเป้าหมายไปที่การบังคับใช้ข้อจำกัดการส่งออก ตามบัญชีรายชื่อของกระทรวงการต่างประเทศระบุชื่อหน่วยงาน 6 แห่งและเรือ 6 ลำ ส่วนในรายงานของกระทรวงการคลังระบุชื่อเรืออีก 17 ลำที่มีการจดทะเบียนในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ จีน และปานามา รวมทั้งสถานที่อื่นๆ ซึ่งจากมาตรการคว่ำบาตร จะส่งผลให้มีการอายัดทรัพย์สินของนิติบุคคลเหล่านี้ในสหรัฐฯ และทำให้ชาวอเมริกันไม่สามารถทำธุรกรรมทางการเงินกับนิติบุคคลเหล่านี้ได้
…
#สหรัฐอเมริกา
#น้ำมันอิหร่าน
#อิสราเอล