พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก.เรียกประชุม คณะพนักงานสอบสวนร่วมประชุมคดีการเรียกรับเงินจากกลุ่มผู้ต้องหาคดีดิไอคอน กรุ๊ป ซึ่งในวันนี้เป็นการประชุมความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องคลิปเสียงบุคคลรับผลประโยชน์กับผู้ต้องหาในคดี ดิไอคอน กรุ๊ป โดยคณะทำงานได้ตรวจสอบคลิปเสียง ซึ่งมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์และพยานบุคคล ขณะนี้เหลือสอบปากคำพยานอีกไม่กี่ปาก ก็น่าจะเพียงพอที่จะสรุปสำนวนเพื่อดำเนินคดีกับนักร้องเรียนบางคนได้ภายในสัปดาห์หน้า
ส่วนจะเป็นหมายเรียกมาแจ้งข้อกล่าวหา หรือหมายจับต้องพิจารณากันอีกครั้ง ขณะนี้มีการแบ่งหน้าที่กันทำ ในส่วนคลิปเสียงรีดทรัพย์จะเป็นของกองปราบ ส่วนคดีพยานเท็จจะเป็นหน้าที่ของ บก.ปอท.
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวต่อว่า พรุ่งนี้ (26 ต.ค.) ช่วงบ่าย ตนจะเรียกตำรวจสังกัด บก.ปคบ. ซึ่งเป็นอดีตสามีนักร้องเรียนหญิงรายนี้มาสอบปากคำเพิ่มเติมด้วย ส่วนกรณีของนายตำรวจยศ พ.ต.อ. ที่ขึ้นไปพูดบนเวที ดิ ไอคอน กรุ๊ป ตั้งแต่ปี 61 นั้น ทางสำนักงานจเรตำรวจเป็นผู้ตรวจสอบ เนื่องจากตนมีความสนิทส่วนตัว ซึ่งตั้งแต่เกิดเรื่องยังไม่ได้พูดคุยกับนายตำรวจคนดังกล่าวแต่อย่างใด
สำหรับเรื่องเส้นเงินของบอสดาราทั้ง 3 รายที่มีการเปิดเผยในสื่อนั้น ตนไม่ทราบ เป็นในส่วนของ บก.ปคบ. ที่เป็นผู้ดำเนินการตรวจสอบ สำหรับกรณี นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้ไปที่เรือนจำพร้อมตำรวจนั้น คาดว่า นายอัจฉริยะ ได้ประสานมาทางตำรวจว่าได้รับการติดต่อจากญาติของ นายจิระวัฒน์ แสงภักดี หรือโค้ชแล็ป หนึ่งในผู้ต้องหาว่าต้องการที่จะให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ไปด้วยก็ไม่ได้รับข้อมูลอะไร
ส่วนกรณีที่จะสอบเอาผิดกับ นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด รวมถึงพยานที่เข้ามาให้ข้อมูลเท็จนั้น เบื้องต้นยังไม่มีการเข้าแจ้งความ แต่มีการประสานว่าจะเข้าดำเนินการหลังจากคดีรีดทรัพย์เสร็จสิ้นแล้ว
สำหรับการโอนคดีฉ้อโกง 71 ล้านบาท ที่นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เป็นผู้ถูกกล่าวหามาให้ บก.ป. นั้น พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ผู้เสียหายต้องการให้คดีมาที่นี่ ไม่ใช่ทางเราไปลากคดีมา เป็นความประสงค์ของผู้เสียหาย ยืนยันไม่มีความขัดแย้งส่วนตัวกับทนายตั้ม และไม่ขอให้ความเห็นในกรณีนี้
#ดิไอคอน
#นักร้องรีดทรัพย์