กลุ่มสหภาพยุโรป(อียู)เริ่มเรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้า (อีวี)จากประเทศจีนในอัตราร้อยละ 45.3 มีผลตั้งแต่วันนี้(30 ต.ค.)หลังผลสอบสวนสรุปว่า รัฐบาลจีนให้เงินอุดหนุนแก่บริษัทรถยนต์จีน ทำให้บริษัทรถของจีนมีต้นทุนการผลิตรถต่ำและสามารถขายรถในราคาต่ำกว่ารถจากยุโรป ซึ่งกลุ่มอียูมองว่า ไม่เป็นธรรมกับบริษัทผลิตรถจากยุโรป สร้างความไม่พอใจกับประเทศจีน
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า กระทรวงพาณิชย์จีนประกาศในวันนี้(30 ต.ค.)ว่า ทางการจีนจะใช้ทุกมาตรการ เพื่อปกป้องสิทธิ์และประโยชน์ที่ชอบธรรมสำหรับบริษัทเอกชนจีน ระบุว่า รัฐบาลจีนไม่ได้เห็นพ้อง หรือยอมรับมาตรการภาษีดังกล่าว พร้อมทราบข้อสังเกตที่ว่า กลุ่มอียูจะยังคงติดต่อเจรจากับประเทศจีนในเรื่องนี้
ทางการจีนวิจารณ์การที่กลุ่มอียูเปิดการสอบสวนเรื่องนี้มาตั้งแต่แรกว่า เป็นการปกป้องตลาดอย่างไม่เป็นธรรมและไม่สมเหตุสมผล พร้อมตอบโต้ด้วยการเปิดการสอบสวนเรื่องการนำเข้าสินค้าจากยุโรป เช่น ผลิตภัณฑ์จากนมและเนื้อหมู เพื่อดูว่าเข้าข่ายทุ่มตลาดอย่างไม่เป็นธรรม หรือไม่ ก่อนหน้านี้ คณะกรรมาธิการยุโรป(อีซี) ซึ่งรับผิดชอบนโยบายการค้าของกลุ่มอียู ประกาศเรื่องการปรับขึ้นภาษีนำเข้ารถอีวีจากจีนเมื่อวานนี้(29 ต.ค.) หลังการเจรจาระหว่างกลุ่มอียูกับประเทศจีนล้มเหลว ไม่สามารถรอมชอมกันว่าจะแก้ไขปัญหาพิพาทเรื่องนี้อย่างไร
ภายใต้หลักเกณฑ์ปรับปรุงใหม่ กลุ่มอียูจะเก็บภาษีนำเข้ารถอีวีจีนในหลายอัตราซึ่งแตกต่างกัน เช่น เก็บภาษีนำเข้ารถอีวีจากบริษัทเทสลาในอัตราร้อยละ 7.8 เก็บภาษีนำเข้ารถอีวีจากบริษัท BYD ซึ่งมีสำนักงานในเมืองเซินเจิ้นในอัตราร้อยละ 17 และเรียกภาษีนำเข้ารถอีวีจากบริษัท SAIC ซึ่งมีสำนักงานในนครเซี่ยงไฮในอัตราร้อยละ 35.3 เพิ่มเติมจากอัตราภาษีนำเข้ารถทั่วไปอีก ร้อยละ 10
#อียู
#ขึ้นภาษีนำเข้า
#รถอีวีจากจีน