การเลือกตั้งสหรัฐฯใกล้เข้ามาทุกขณะ นายรอน บราวน์สไตน์ นักวิเคราะห์ข่าวการเมืองอาวุโสประจำรายการข่าวของสถานีโทรทัศน์ CNN ให้สัมภาษณ์เรื่องการเลือกตั้งสหรัฐฯกับ โรสแมรี เชิร์ช พิธีกรจาก CNNว่า ในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนเลือกตั้ง 5 พ.ย.นี้ รองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส ผู้สมัครประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครต และอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ คู่แข่งจากพรรครีพับลิกัน ต่างลงพื้นที่หาเสียงทิ้งทวนก่อนวันเลือกตั้ง พร้อมตั้งข้อสังเกตเรื่ององค์ประกอบหนึ่งที่อาจจะมีผลตัดสินผลแพ้-ชนะการเลือกตั้งคือ กลุ่มสตรี ซึ่งถ้านางแฮร์ริสจะชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีในศึกเลือกตั้ง 2024 จะเป็นผลจากกระแสสนับสนุนจากกลุ่มสตรีในรัฐสวิงสเตท
แม้ว่าโดยปกติ กลุ่มสตรีจะสนับสนุนพรรครีพับลิกัน แต่สตรีหลายคนในสหรัฐฯแสดงความกังวลเรื่องนโยบายสิทธิ์การทำแท้งของนายทรัมป์ หลังจากศาลสูงสุดของสหรัฐฯซึ่งผู้พิพากษาสายอนุรักษ์นิยมมีเสียงข้างมาก มีคำพิพากษาเมื่อ 24 มิ.ย.ให้ยกเลิกคำตัดสินคดี Roe v Wade ที่เคยพิพากษาในปี 2516 ว่า การทำแท้งเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ ทำให้การทำแท้งเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย พร้อมให้เรื่องนี้อยู่กลับมาอยู่ในการพิจารณารายละเอียดข้อกฎหมายของแต่ละรัฐของสหรัฐฯจะพิจารณาต่อไปด้วย ขณะที่นางแฮร์ริสชูนโยบายเรื่องนี้ว่า เป็นสิทธิ์เสรีภาพของสตรี พร้อมทั้งจะเสนอให้สภาคองเกรสจัดทำร่างกฎหมายรับรองสิทธิ์การทำแท้งเป็นเรื่องที่ถูกต้องตามกฎหมาย ถ้าหากเธอชนะการเลือกตั้งซึ่งทำให้นางแฮร์ริสได้รับเสียงสนับสนุนจากสตรีอเมริกันจำนวนมาก
นายบราวน์สไตน์ กล่าวว่า ผู้หญิงเป็นผู้มีสิทธิ์ออกเสียงกลุ่มใหญ่ในรัฐสวิงสเตท หรือรัฐที่ทั้งสองพรรคมีคะแนนสูสีทั้ง 7 รัฐคือ แอริโซนา จอร์เจีย มิชิแกน เนวาดา นอร์ทแคโรไลนา เพนซิลเวเนีย และรัฐวิสคอนซิน อีกทั้งเป็นกลุ่มผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งขนาดใหญ่สุดในภาพรวมของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งทั่วประเทศ เนื่องจากกลุ่มสตรีที่มีสิทธิ์เลือกตั้งมีจำนวนมากกว่าชาย และช่องว่างยิ่งจะมากขึ้น ระหว่างกลุ่มหญิงสาวกับกลุ่มชายหนุ่มที่มีสิทธิ์เลือกตั้ง ซึ่งเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทีมรณรงค์หาเสียงของนายทรัมป์ เน้นรณรงค์หาเสียงกับกลุ่มชายหนุ่มเพื่อให้ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งให้มากๆ เนื่องจากโดยปกติกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่ไม่ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งเท่าที่ควร หวังพลิกกลับมาชนะนางแฮร์ริสในรัฐสวิงสเตท เพื่อคว้าเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯสมัยที่ 2
#เลือกตั้งสหรัฐ