ผลเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ อย่างไม่เป็นทางการ ตามรายงานจาก CNN เมื่อเวลา 19.12น.ของวันนี้(6 พ.ย.) อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีคนที่ 47 ของสหรัฐฯ โดยได้รับคะแนนคณะผู้เลือกตั้งรวม 279 เสียง เกินกึ่งหนึ่ง(270 เสียง)จากทั้งหมด 538 เสียง ขณะที่รองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริสจากพรรคเดโมแครตได้ 223 เสียง
สำหรับการเลือกตั้งวุฒิสมาชิก พรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมากในสภาด้วยคะแนน 52 เสียงต่อ 42 เสียง เช่นเดียวกับการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมากด้วยคะแนน 204 ต่อ 182 เสียง ขณะที่การเลือกตั้งผู้ว่าการรัฐ พรรครีพับลิกัน ชนะเช่นกัน คว้าเก้าอี้ผู้ว่าการรัฐมาครองรวม 27 ที่นั่ง ขณะที่พรรคเดโมแครตได้ 23 ที่นั่ง
ส่วนความเคลื่อนไหวจากผู้นำยุโรป ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครงของฝรั่งเศส นายกรัฐมตรีโอลาฟ ชอลซ์ของเยอรมนี นายกรัฐมนตรีจอร์เจีย เมโลนีของอิตาลี นายกรัฐมนตรีวิกเตอร์ ออร์บานของฮังการี นางอัวร์ซูลา ฟ็อน แดร์ ไลเอิน ประธานคณะกรรมาธิการสหภาพยุโรปและประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกีของยูเครน ร่วมส่งสาส์นแสดงความยินดีกับนายทรัมป์ในโอกาสชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯสมัยที่ 2 เมื่อเช้าวันนี้(6 พ.ย.)ตามเวลาท้องถิ่น
นักวิเคราะห์ ระบุว่า การที่ผู้นำยุโรปมีความสัมพันธ์ที่ดีกับสหรัฐฯ ซึ่งเป็นพันธมิตรที่ทรงอิทธิพลมากที่สุด เป็นเรื่องที่มีความสำคัญมากที่สุดสำหรับยุโรป ทั้งในด้านเศรษฐกิจและความมั่นคง แต่เป็นที่ทราบกันว่า นายทรัมป์ไม่ชื่นชอบองค์การนาโต(องค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ) ซึ่งเป็นพันธมิตรทางทหารระหว่างสหรัฐฯกับพันธมิตรในทวีปยุโรป อีกทั้งเคยคุยโม้ว่า เขาสามารถจะยุติสงครามยูเครนได้ทันที ในหนึ่งวันที่เข้ามาบริหารประเทศ พร้อมทั้งขู่จะปรับขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากยุโรปในอัตราร้อยละ 20
#ผู้นำยุโรป
#ร่วมยินดีทรัมป์
#เลือกตั้งสหรัฐ