นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีต สส.กทม. แถลงถึงกรณีกรมที่ดินทำหนังสือเลขที่มท. 0516.2(2)/22062 ลงวันนี้ 21 ตุลาคม 2567 เรื่องการเพิกถอนหนังสือแสดงสิทธิ์ในที่ดินที่ออกทับซ้อนกับที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) แจ้งว่า ยังไม่สมควรที่จะเพิกถอน หรือแก้ไข หนังสือแสดงสิทธิ์ในที่ดิน เนื่องจากรฟท.ไม่มีพยานหลักฐานยืนยัน การได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ของที่ดินของรฟท.ว่า โดยพบว่า มีรัฐมนตรีบางคน ทำบัตรประชาชนอาศัยอยู่เลขที่บ้านในที่ดินที่อยู่เขากระโดง แล้วข้าราชการที่ไหนกล้าไปไล่ ทั้งนี้เรื่องที่ดินเขากระโดงศาลฏีกาเคยตัดสินไปแล้ว 2 คดี ว่าเป็นที่ดินของรฟท. ส่วนอีกคดีเป็นคดีศาลอุทธรณ์ภาค3 ก็ยืนยันว่า เป็นที่ดินของรฟท.ด้วยเช่นกัน จึงมีคำถามว่าแล้วทำไมกรมที่ดินจึงกล้าทำหนังสือไม่เพิกถอนที่ดินดังกล่าวถึงรฟท. เท่ากับเป็นการโต้แย้งหรือคัดค้านคำพิพากษาศาลฎีกาหรือไม่อย่างไร
นอกจากนั้น ยังมองว่า เรื่องเขากระโดงเป็นเรื่องลึกลับซับซ้อน เหตุการณ์เริ่มตั้งแต่มีพระราชกฤษฎีกาวันที่ 8 พ.ย.2462 กว่า 100 ปีแล้วดึงกันไปมา จนขณะนี้ ทำให้ยังไม่รู้ว่าข้อเท็จจริงอะไรผิดอะไรถูก ใครจะต้องออกจากพื้นที่ หรือใครมีสิทธิที่จะอยู่ยังพิสูจน์ไม่ได้ ผมจึงขอตั้งข้อสังเกตถึงกรมที่ดินว่าการที่เลขาธิการสำนักงานกฤษฏีกาออกมายืนยันว่าที่ดินเขากระโดงเป็นที่ดินของรฟท. ตามคำพิพากษาของศาลฎีกา และคนที่ไปให้การเป็นพยานต่อศาลจะถือเป็นการให้การเท็จหรือไม่
นอกจากนี้การสร้างทางรถไฟสายโคราช-อุบลราชธานี กิโลเมตรที่375+650 มีการสร้างทางแยกไปอีก8 กม. เพื่อทำทางไปขนหินจากบ้านเขากระโดง ในจังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อเอามาสร้างทางรถไฟสายดังกล่าว มีการออกเป็นพระราชกฤษฏีกา ปี 2562 การที่กรมที่ดินมีหนังสือแจ้งรฟท.ว่าไม่เพิกถอนที่ดินเขากระโดงถือเป็นการโต้แย้งต่อพระบรมราชโองการหรือไม่
ที่สำคัญที่สุดมีผู้ส่งหนังสือเป็นเอกสารการบันทึกการประชุมร่วมเรื่องข้อพิพาทเกี่ยวกับทีดินเขากระโดง ลงวันที่ 9 พ.ย. 2513 ระหว่างนายชัย ชิดชอบ และเจ้าหน้าที่รฟท. โดยมีการบันทึกว่า นายชัยขออาศัยในที่ดินดังกล่าว จากการรถไฟได้ และการรถไฟตกลงยินยอมให้อาศัย ซึ่งจะได้ทำสัญญาการอาศัยต่อไป เท่ากับว่าหนังสือฉบับนี้นายชัยก็ยอมรับแล้วว่า ไม่ใช่ที่ดินของท่าน แล้วทำไมกรมที่ดินอยู่ดีๆไปออกหนังสือรับรองเช่นนั้นมา
#เขากระโดง