กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ รายงานว่า ยอดค้าปลีกขยายตัวร้อยละ 0.4 ในช่วงระหว่างเดือนกันยายนถึงตุลาคม เป็นการเพิ่มขึ้นอย่างมั่นคง จากที่นักวิเคราะห์คาดว่าขยายตัวที่ระดับร้อยละ 0.3 แม้จะน้อยกว่าการขยายตัวร้อยละ 0.8 ในเดือนก่อนหน้าก็ตาม
เมื่อเทียบรายปี ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.85 ในเดือนตุลาคม จากที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.98 ในเดือนกันยายน
หากไม่รวมยอดขายรถยนต์และน้ำมัน ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 ในเดือนตุลาคม
ยอดขายของตัวแทนจำหน่ายรถยนต์เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.6
ยอดขายในร้านขายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.3
และในร้านอาหารและบาร์เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.7
ยอดขายในบางหมวดหมู่ลดลง เช่น ร้านขายเฟอร์นิเจอร์ ร้านขายเสื้อผ้า และร้านขายยา ขณะที่ ยอดขายของร้านขายของใช้ในบ้านและสวนเพิ่มขึ้น สะท้อนถึงการซ่อมแซมและฟื้นฟูหลังจากพายุ นอกจากนี้ ผู้ค้าปลีกยังเตรียมสินค้าในช่วงการจับจ่ายซื้อของช่วงวันหยุด ในช่วงเวลาอีกไม่ถึงสองสัปดาห์ ซึ่งผู้ซื้อยังต้องเผชิญแรงกดดันจากราคาโดยรวมที่ยังอยู่ในระดับสูง แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อจะคลี่คลายลงแล้วก็ตาม
ตัวเลขยอดขายปลีกล่าสุดบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจกำลังเติบโตอย่างรวดเร็วอีกครั้งในไตรมาสตุลาคม-ธันวาคม หลังจากขยายตัวในอัตราที่มั่นคงที่ร้อยละ 2.8 ต่อปีในไตรมาสก่อนหน้า นับตั้งแต่แตะระดับสูงสุดที่ร้อยละ 9.1 เมื่อกว่า 2 ปีที่แล้ว อัตราเงินเฟ้อก็ลดลงเหลือร้อยละ 2.6 ซึ่งไม่สูงกว่าระดับก่อนเกิดโรคระบาดมากนัก และรายได้เฉลี่ยที่ชาวอเมริกันได้รับ สูงกว่าอัตราเงินเฟ้อเป็นเวลาประมาณ 18 เดือน อย่างไรก็ตาม อัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นหลังการระบาดใหญ่ทำให้ราคาสินค้าสูงขึ้นประมาณร้อยละ 20 เมื่อเทียบกับ 3 ปีที่แล้ว และทำให้ชาวอเมริกันมีทัศนคติต่อเศรษฐกิจที่แย่ลง
..
#เศรษฐกิจสหรัฐ