ศาลยกฟ้องคดี ‘รัชฎา' ฟ้อง อดีตผอ.สำนักอุทยานฯ หลังถูกจับรับ เงินโยกย้ายข้าราชการ

วันนี้, 16:39น.


          ในวันนี้ ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นัดฟังคำพิพากษาคดีดำอ.824/2566 ที่นายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา อดีตอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เป็นโจทก์ฟ้องนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีต ผอ.สำนักอุทยานแห่งชาติ เป็นจำเลยในความผิดฐาน แจ้งข้อความอันเป็นเท็จ เพื่อกลั่นแกล้งให้โจทก์ได้รับโทษ โดยโจทก์ระบุฟ้องความผิด จำเลยสรุปว่าเมื่อ เดือน เม.ย.2564 ถึงปัจจุบัน จำเลยได้กระทำผิดต่อโจทก์โดยกล่าวหาว่าโจทก์ได้กระทำผิดต่อตำแหน่งเรียกรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองโดยไม่ชอบ และกล่าวหาโจทก์มีนโยบายก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่ผู้ใต้บังคับบัญชาโดยโจทก์มีคำสั่งโยกย้าย ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องวิ่งเต้นที่สำนักงานอธิบดีรายละประมาณ 200,000-300,000 บาท หากผู้ใดไม่วิ่งเต้นก็จะถูกโยกย้ายทำให้เดือดร้อน เมื่อเป็นเจ้าหน้าที่หัวหน้าหน่วยภาคสนามจะต้องจ่ายเงินเป็นรายเดือนต่อเดือนให้กับโจทก์ ทำให้พนักงานสอบสวนจดข้อความอันเป็นเท็จดังกล่าว



          โจทก์ระบุฟ้องอีกว่า เมื่อวันที่ 27 ธ.ค.2565 จำเลยยังได้วางแผนเข้ามาขอพบโจทก์แล้วกลั่นแกล้งโจทก์ โดยจำเลยแอบซุกซ่อนติดกล้อง ซึ่งสามารถบันทึกภาพและเสียง เข้าพบโจทก์ ขณะเดียวกันจำเลยได้นำซองกระดาษสีขาวทราบภายหลังว่าคือ ซองบรรจุเงิน จำนวน 98,000 บาท ออกมาวางบนโต๊ะ จากนั้นจำเลยก็ออกจากห้องโจทก์ไป ผ่านไปไม่นานก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจบุกเข้ามาในห้องโดยไม่มีหมายค้น และอ้างว่าเป็นการกระทำผิดซึ่งหน้าและค้นพบซองบรรจุเงิน 98,000 บาท ซึ่งจำเลยวางทิ้งไว้ ทำให้โจทก์เกิดความเสียหาย และเป็นการกลั่นแกล้ง ให้โจทก์ต้องรับโทษทางอาญา



          ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้ว เห็นว่า จำเลย ได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปราม การทุจริตและประพฤติมิชอบหรือบก.ปปป. ว่าจำเลยมีพฤติการณ์เรียกรับเงิน ตำรวจจึงวางแผนร่วมกันโดยบันทึกภาพธนบัตรจำนวน 9.8 หมื่นบาท ใส่ซองจำนวน 3 ซอง เพื่อให้จำเลย นำไป มอบให้กับโจทก์ในวันเกิดเหตุ โดยมีเจ้าหน้าที่จาก ป.ป.ช. และ ปปท. รวมถึงตำรวจ บก.ปปป. สังเกตการณ์อยู่ในบริเวณใกล้เคียง เมื่อจำเลยนำเงินไปมอบให้กับโจทก์และส่งสัญญาณให้เจ้าหน้าที่ทราบ จึงเข้าทำการจับกุม และตรวจค้น พบเงินในซองเอกสาร 3 ซอง จำนวน 9.8 หมื่นบาท และค้นเจอเงินอีกจำนวนหนึ่งในห้องทำงาน



          ขณะที่โจทก์ แย้งว่า การที่จำเลย กลั่นแกล้งสร้างพยานหลักฐานเท็จ เป็นเพราะมีสาเหตุโกรธเคืองเนื่องจากจำเลยถูกตรวจสอบ เรื่องโครงการปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติในจังหวัดเพชรบุรี



        ศาลพิเคราะห์แล้ว เห็นว่า จำเลยแจ้งความกับตำรวจ บก.ปปป. เพราะเชื่อว่ามีการโยกย้ายไม่เป็นธรรม อีกทั้งการเรียกรับสินบนต้องทำโดยปกปิดยากที่จะหาพยานหลักฐานในการตรวจสอบ แม้จำเลยจะเคยมีปัญหาเรื่องการตั้งกรรมการสอบสวนกับโจทก์ แต่จำเลยได้ไปแจ้งหน่วยงานที่รับผิดชอบแล้ว จำเลยจึงไม่มีมูลเหตุจูงใจกล่าวหาโจทก์ให้รับโทษ



          ส่วนเรื่องการทำพยานหลักฐานอันเป็นเท็จ แม้ว่าจำเลยจะมีการรวบรวมเงินมาจริง แต่ก็เป็นการวางแผนจับกุมส่งมอบเงิน รับฟังได้ว่ามีเจตนาทำให้ผู้กระทำผิดได้รับโทษ ไม่ได้มุ่งหมายถึงโจทก์จึงไม่เข้าข่ายการหมิ่นประมาทโจทก์ พิพากษายกฟ้อง



          ด้านนายชัยวัฒน์ มีสีหน้ายิ้มแย้ม หลังศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องทั้ง 4 ข้อกล่าวหา พร้อมเปิดเผยว่า ศาลพิจารณาแล้ว เห็นว่าไม่มีมูลความจริงให้ศาลรับฟังได้ เพราะมีการรับเงินจริง อย่างไรก็ตาม คำพิพากษาของศาลวันนี้ ทำให้ได้หลักฐานเพิ่มเติม เนื่องจากสิ่งที่โจทก์นำมาเบิกความต่อศาลเป็นประโยชน์กับฝ่ายตน ยืนยันจะไม่ฟ้องกลับ แต่จะขอคัดสำเนาคำพิพากษา เพื่อนำไปยื่นต่อ ป.ป.ช.เพิ่มเติม และพร้อมที่จะต่อสู้คดีอื่น ๆ ที่ นายรัชฎา ฟ้องร้องต่อไป



          สำหรับนายรัชฎา อดีตอธิบดีกรมอุทยานฯ วันนี้ ไม่ได้มาฟังคำพิพากษา ได้มอบหมายให้ทนายมาฟังแทน



 



#ฟ้องชัยวัฒน์



#คดีรับเงินสินบน



#กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช



 



 

ข่าวทั้งหมด

X