สหรัฐฯ ใช้สิทธิ์ veto มติยูเอ็น เรื่องหยุดยิงถาวรในเขตฉนวนกาซา

          หลังจาก 10 ประเทศสมาชิกไม่ถาวรในคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ(UNSC)คือ แอลจีเรีย เอกวาดอร์ กายานา ญี่ปุ่น มอลตา โมซัมบิก เกาหลีใต้ เซียร์ราลีโอน สโลวีเนียและสวิตเซอร์แลนด์ เสนอให้ที่ประชุม UNSC ในนครนิวยอร์ก สหรัฐฯ ซึ่งมีสมาชิก 15 ประเทศ(รวมทั้ง 5 สมาชิกถาวร คือ สหรัฐฯ รัสเซีย จีน ฝรั่งเศสและอังกฤษ) ลงมติเรื่องการหยุดยิงในเขตฉนวนกาซาโดยทันที อย่างไม่มีเงื่อนไขและสงบศึกอย่างถาวร และขอให้กลุ่มฮามาสปล่อยตัวประกันทั้งหมด หลังสงครามในเขตฉนวนกาซายืดเยื้อมา 13 เดือน  

          เอเอฟพีรายงานว่า นายโรเบิร์ด วูด รองเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำสหประชาชาติ(UN)กล่าวต่อที่ประชุม UNSCว่า สหรัฐฯ ในฐานะสมาชิกถาวรของ UNSC และพันธมิตรของอิสราเอล ใช้สิทธิ์ veto  หรือ ยับยั้งมติของคณะมนตรีความมั่นคงฯเมื่อตืนนี้(20 พ.ย.) ทำให้มติเรื่องนี้ไม่มีผลบังคับใช้ทางกฎหมายระหว่างประเทศ ทั้งเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐฯอีกครั้งหนึ่งว่า ขัดขวางความพยายามของประชาคมระหว่างประเทศที่ต้องการจะหาทางยุติสงครามในเขตฉนวนกาซา ระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส

          ทั้งนี้ นายวูด กล่าวต่อที่ประชุม ก่อนการลงมติว่า สหรัฐฯย้ำชัดเจนว่าจะสนับสนุนเฉพาะมติการหยุดยิงเพียงชั่วคราวในเขตฉนวนกาซา แลกกับการที่กลุ่มฮามาสปล่อยตัวประกัน ย้ำว่า ความจริง สหรัฐฯต้องการความอะลุ้มอล่วย แต่เนื้อหาของมติร่างข้อเสนอหยุดยิงตามที่สมาชิกเสนอให้ที่ประชุมพิจารณาอาจจะส่งสัญญาณที่ผิดพลาดไปถึงกลุ่มฮามาสว่า ไม่มีความจำเป็นต้องกลับเข้าสู่โต๊ะเจรจาอีกต่อไป เป็นเหตุให้สหรัฐฯใช้สิทธิ์ veto มติของที่ประชุม

          ด้านนางวาเนสซา เฟรเซอร์ เอกอัครราชทูตมอลตาประจำ UN แสดงความรู้สึกผิดหวังกับจุดยืนของสหรัฐฯ ตั้งข้อสังเกตว่า เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็นล้มเหลวต่อการทำหน้าที่ในความรับผิดชอบ เพื่อผดุงสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ

          เช่นเดียวกับ นายฟู่ ชง เอกอัครราชทูตจีนประจำยูเอ็น กล่าวว่าทุกครั้งที่สหรัฐฯใช้สิทธิ์ veto เพื่อปกป้องอิสราเอล ตัวเลขประชาชนที่เสียชีวิตจากสงครามในเขตฉนวนกาซาจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องพร้อมตั้งคำถามว่าจะรอให้ชาวบ้านในเขตฉนวนกาซาเสียชีวิตอีกกี่ราย มหาอำนาจอย่างสหรัฐฯจึงจะตื่น ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงทางอาหารเตือนว่า ประชาชน 2.3 ล้านคนในเขตฉนวนกาซาใกล้จะมีปัญหาขาดแคลนอาหาร

#สหรัฐ

#ยับยั้งมติยูเอ็น