ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน เปิดเผยว่า นับตั้งแต่เย็นวันอาทิตย์ (24 พ.ย.67) รัสเซียโจมตียูเครนด้วยขีปนาวุธและโดรนเกือบ 1,500 ครั้งโดยมีเป้าหมายอยู่ในภูมิภาคต่างๆ ของประเทศส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายสิบคน โดยเฉพาะการโจมตีเป้าหมายในกรุงเคียฟด้วยโดรนขนาดใหญ่ แสดงให้เห็นว่าเมืองหลวงของยูเครนต้องการระบบป้องกันทางอากาศที่ดีกว่านี้
ขณะที่กองทัพยูเครนโจมตีคลังน้ำมันสำคัญทางใต้ของกรุงมอสโก และเป้าหมายในพื้นที่ชายแดนบรีอันสค์และเคิร์สก์
เป็นการยกระดับการโจมตีที่ชัดเจนขึ้นนับตั้งแต่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ ยินยอมให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธของสหรัฐฯ โจมตีภายในดินแดนของรัสเซีย จากนั้นยูเครนใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลของสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักรโจมตีดินแดนรัสเซีย และรัสเซียตอบโต้ด้วยขีปนาวุธพิสัยกลางโจมตีเมืองดนิโปรของยูเครน
ทางการเมืองคาร์คิฟ เปิดเผยว่า ในการโจมตีระลอกล่าสุดของรัสเซีย มีผู้บาดเจ็บ 23 คน
ส่วนที่เมืองโอเดสซามีผู้ได้รับบาดเจ็บ 10 ราย อาคารที่พักอาศัย โรงเรียน และห้องกีฬาของมหาวิทยาลัยได้รับความเสียหาย
นอกจากนี้ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 3 รายจากการโจมตีในภูมิภาคเคอร์ซอน
และอีก 1 รายในภูมิภาคซาโปริซเซีย
ด้านกองทัพยูเครน เพิ่มเติมว่า พวกเขาโจมตีคลังน้ำมันในภูมิภาคคาลูกาทางตะวันออกเฉียงใต้ของกรุงมอสโก ทำให้เกิดระเบิดหลายครั้งและเกิดเพลิงไหม้
กองทัพรัสเซียไม่ได้แสดงความเห็นใดๆ เกี่ยวกับการโจมตีครั้งนี้ แต่ผู้ว่าการภูมิภาค เปิดเผยว่าเศษซากจากโดรน 8 ลำที่ถูกยิงตกโดยระบบป้องกันภัยทางอากาศได้ก่อให้เกิดเพลิงไหม้ในพื้นที่ของส่วนอุตสาหกรรม
...
#รัสเซียยูเครน
ภาพจาก Kharkiv region emergencies department