นายกรัฐมนตรีมิเชล บาร์นิเยร์ ของฝรั่งเศส เผชิญการลงมติไม่ไว้วางใจ เนื่องจาก การพยายามผลักดันร่างกฎหมายงบประมาณ ปี 2568 โดยไม่ผ่านการลงมติจากสมาชิกรัฐสภา หลังจากที่นำเสนอร่างกฎหมายเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันจันทร์ (2 ธ.ค.67) แล้วถูกพรรคการเมืองฝ่ายค้าน และพรรคเนชั่นแนลแรลลี (RN) พรรคขวาจัดของนางมารีน เลอเปน วิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก นายกรัฐมนตรีบาร์นิเยร์ จึงใช้มาตรา 49.3 ของรัฐธรรมนูญฝรั่งเศส ผ่านร่างกฎหมายโดยไม่ต้องลงคะแนนเสียง
นักวิเคราะห์ ระบุว่า การที่รัฐบาลปัจจุบันครองเสียงข้างน้อย หากนายกรัฐมนตรีนำร่างกฎหมายเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา ก็อาจจะไม่ผ่าน ทำให้เขาผลักดันกฎหมายนี้ด้วยกระบวนการพิเศษ แต่ทำให้พรรคการเมืองฝ่ายค้านยื่นอภิปรายเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจ ซึ่งจะเกิดขึ้นได้เร็วที่สุดคือวันพุธ (4 ธ.ค.67)
ร่างกฎหมายงบประมาณมีจุดมุ่งหมายเพื่อควบคุมการขาดดุลงบประมาณที่เพิ่มขึ้น โดยการขึ้นภาษีและการลดการใช้จ่ายมูลค่า 60,000 ล้านยูโร (ประมาณ 2 ล้านล้านบาท) นายกรัฐมนตรีบานิเยร์ กล่าวต่อสมาชิกรัฐสภาว่า ชาวฝรั่งเศสจะไม่ให้อภัย หากสมาชิกเลือกผลประโยชน์ของพรรคมากกว่าอนาคตของประเทศ และในเวลานี้ ทุกคนจะต้องร่วมรับผิดชอบในหน้าที่ของตนเอง
แต่นางเลอเปน โต้แย้งว่า นายกรัฐมนตรีไม่ฟังเสียงผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 11 ล้านคนของพรรค RN ดังนั้นพรรคการเมืองฝ่ายค้านจึงทำหน้าที่ของตนเองในการขอลงมติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี
หากนายกรัฐมนตรีบาร์นิเยร์ไม่รอดจากการลงคะแนนในวันพุธ เขาจะยังดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีรักษาการต่อไปจนกว่าประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ประกาศจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่
#ฝรั่งเศส
#ลงมติไม่ไว้วางใจ