สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า หอการค้าอังกฤษในประเทศจีน เผยแพร่ผลสำรวจในวันนี้ (3 ธ.ค.) พบว่า บริษัทอังกฤษส่วนใหญ่ ร้อยละ 58 รู้สึกว่า การทำธุรกิจในประเทศจีนซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 2 ของโลก ในรอบ1 ปี ยากลำบากกว่าเดิมนับเป็นปีที่ 5 ติดต่อกัน ที่ผลสำรวจ ระบุว่า บริษัทอังกฤษมองการทำธุรกิจมีแนวโน้มเชิงลบ จากปัจจัย ภาวะเศรษฐกิจจีนชะลอตัว และมีอุปสรรคต่างๆในเรื่องกฎระเบียบท้องถิ่น
นอกจากนี้ บริษัทอังกฤษส่วนใหญ่ คาดว่า สภาพเศรษฐกิจชะลอตัวจะยืดเยื้อไปจนถึงปีหน้า(2568) ทำให้บริษัทส่วนใหญ่ต้องปรับลดตัวเลขคาดการณ์เรื่องรายได้ในปีหน้า มีเพียงร้อยละ 41 คาดว่า สถานการณ์ในปีหน้าอาจจะดีขึ้นกว่าเดิม ถึงแม้ว่ารัฐบาลจีนออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมาหลายครั้งแล้วในช่วง 2-3 เดือนมานี้ ให้ฟื้นตัวต่อเนื่อง
ก่อนหน้านี้ อังกฤษและจีนยกระดับกระชับความสัมพันธ์ทวิภาคีมากขึ้น นายเดวิด แลมมี รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษเยือนกรุงปักกิ่งในเดือนต.ค. นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีเคียร์ สตาร์เมอร์ของอังกฤษเข้าพบกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน นอกรอบการประชุมกลุ่ม G20 ในบราซิลต้นเดือนนี้ ผลสำรวจชี้ว่า บริษัทอังกฤษมองโลกในแง่บวกเกี่ยวกับความสัมพันธ์อังกฤษ-จีนในระดับสูงสุดในรอบ 7 ปี หลังนายแลมมีเยือนประเทศจีน
ทั้งนี้ บริษัท แอสตร้าเซนเนก้า,บีพี,จากัวร์ แลนด์ โรเวอร์,ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดและบริษัท โรลส์-รอยซ์ เป็นหนึ่งใน 400 สมาชิกหอการค้าอังกฤษที่ทำธุรกิจในจีน ทำการสำรวจระหว่าง เดือนก.ย.-พ.ย.และ
#หอการค้าอังกฤษ
#แพร่ผลสำรวจ
#ความเชื่อมั่นในการทำธุรกิจในจีน