ตะวันออกกลางระอุ! กลุ่มกบฎ ยึดครองดามัสกัส ประธานาธิบดีอัสซาดหลบหนีออกนอกประเทศ

08 ธันวาคม 2567, 14:05น.


         สำนักข่าวเอเอฟพี บีบีซี และรอยเตอร์ รายงานว่า สืบเนื่องจากเหตุการณ์ความรุนแรงในประเทศซีเรียตอนนี้ ล่าสุด กลุ่มกบฏอายัต ตาห์รีร์ อัล-ชาม (เอชทีเอส) อ้างว่าได้ยึดกรุงดามัสกัส เมืองหลวงของประเทศซีเรียแล้วในวันที่ 8 ธันวาคม เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังกลุ่มกบฏสามารถยึดหลายเมือง รวมถึงเมืองฮอมส์ ซึ่งถือเป็นเมืองสำคัญได้หลังต่อสู้กับกองทัพซีเรียของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาดเพียง 1 วัน โดยล่าสุดมีรายงานว่าประธานาธิบดีอัล-อัสซาดของซีเรียได้หลบหนีออกนอกประเทศแล้ว และกลุ่มกบฏได้ประกาศว่าซีเรียได้เข้าสู่ยุคใหม่หลังครอบครัวอัล-อัสซาดปกครองซีเรียนาน 50 ปี



         ชาวบ้านในกรุงดามัสกัสให้ข้อมูลว่าได้ยินเสียงปืนยิงต่อสู้กันกลางกรุงดามัสกัส ก่อนหน้านี้ กลุ่มกบฏอายัต ตาห์รีร์ อัล-ชามอ้างว่าสามารถควบคุมเมืองฮอมส์ ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงดามัสกัสไปทางตอนเหนือราว 140 กิโลเมตร ได้แล้วทั้งหมด ชาวบ้านหลายพันคนได้ออกมาแสดงความดีใจตามท้องถนนหลังจากที่กองทัพซีเรียได้ถอนกำลังออกจากย่านใจกลางเมืองฮอมส์ โดยชาวบ้านต่างตะโกนว่าฮอมส์เป็นอิสระแล้ว พร้อมกับแสดงความดีใจกับความพ่ายแพ้ของกองทัพซีเรียของประธานาธิบดีอัล-อัสซาด โดยนี่ถือเป็นเมืองใหญ่แห่งที่ 3 ที่กลุ่มกบฏอายัต ตาห์รีร์ อัล-ชามสามารถยึดครองได้หลังการลุกฮือต่อต้านการปกครองของประธานาธิบดีอัล-อัสซาดตั้งแต่วันที่ 27 พฤศจิกายน





          นายอาบู โมฮัมเหม็ด อัล โกลานี ผู้บัญชีการกลุ่มกบฏอายัต ตาห์รีร์ อัล-ชาม ได้ออกถ้อยแถลงเมื่อค่ำวันที่ 7 ธันวาคมว่า การยึดเมืองฮอมส์ได้นั้นเป็นช่วงเวลาครั้งประวัติศาสตร์และขอให้นักรบอย่าทำร้ายผู้บริสุทธิ์ ทั้งนี้ เมืองฮอมส์เป็นเมืองยุทธศาสตร์สำคัญของประธานาธิบดีอัล-อัสซาดเพราะจะทำให้กลุ่มกบฏยึดครองทางหลวงสายหลักและตัดขาดเส้นทางระหว่างกรุงดามัสกัสและภูมิภาคที่ติดชายฝั่งซึ่งเป็นพื้นที่มั่นของชาวอาลาวัต ชนกลุ่มน้อยของประธานาธิบดีอัล-อัสซาด และตัดขาดกองทัพซีเรียจากฐานทัพเรือและฐานทัพอากาศของกองกำลังรัสเซีย ซึ่งเป็นพันธมิตรสำคัญของอัล-อัสซาด



          กลุ่มกบฏอายัต ตาห์รีร์ อัล-ชามระบุว่าได้ปลดปล่อยเรือนจำเซดนายา ซึ่งเป็นเรือนจำทหารขนาดใหญ่ในชานกรุงดามัสกัสซึ่งรัฐบาลซีเรียได้คุมขังนักโทษหลายพันคน และกลุ่มกบฏได้ปล่อยนักโทษกลุ่มดังกล่าว พร้อมกับเผาเอกสารต่างๆ หลังกองกำลังความมั่นคงของซีเรียได้ออกจากพื้นที่ โดยกลุ่มกบฏบอกว่าถือเป็นจุดจบของความไม่ยุติธรรมภายในเรือนจำเซดนายา



         นอกจากเมืองฮอมส์แล้ว ชาวบ้านในกรุงดามัสกัสหลายพื้นที่ได้ออกมาประท้วงประธานาธิบดีอัล-อัสซาด เมื่อช่วงค่ำวันที่ 7 ธันวาคม ด้านนายฮัสซัน อับดุล กานี ผู้บัญชาการกลุ่มกบฏซีเรียแถลงว่าปฏิบัติการปลดปล่อยอย่างสมบูณ์กำลังดำเนินอยู่ในบริเวณรอบกรุงดามัสกัสและกำลังมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง โดยมีการโค่นล้มรูปปั้นของอดีตประธานาธิบดีฮาเฟซ อัล-อัสซาด พ่อของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด



          ล่าสุด กลุ่มกบฏอายัต ตาห์รีร์ อัล-ชามได้ประกาศว่าซีเรียเป็นอิสระแล้ว หลังประธานาธิบดีอัล-อัสซาดได้ออกจากกรุงดามัสกัสแล้ว ถือเป็นจุดจบของยุคมืดและจุดเริ่มต้นของยุคใหม่ ผู้คนที่พลัดถิ่นหรือคนที่ถูกจำคุกจากระบอบการปกครองของครอบครัวอัล-อัสซาดนานราว 50 ปีสามารถกลับบ้านได้ ด้านเจ้าหน้าที่อาวุโสของกองทัพซีเรีย 2 นายให้ข้อมูลว่าประธานาธิบดีอัล-อัสซาดได้ขึ้นเครื่องบินออกจากกรุงดามัสกัสแล้ว เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม โดยยังไม่รู้จุดหมายปลายทาง ซึ่งดูเหมือนว่านายอัล-อัสซาดได้ออกจากประเทศซีเรียแล้ว มีรายงานว่าประชาชนชาวซีเรียได้ออกมาแสดงความดีใจที่จตุรัส Umayyad ในกลางกรุงดามัสกัส ซึ่งเป็นที่ตั้งของที่ทำการรัฐบาลหลายแห่ง อาทิ กระทรวงกลาโหมและกองทัพซีเรีย ภาพถ่ายในโซเชียลมีเดียเผยให้เห็นผู้คนต่างเปิดเพลงและเต้นอยู่รอบรถถังคันหนึ่งที่กองทัพซีเรียได้ทิ้งไว้ ส่วนเจ้าหน้าที่ของกระทรวงกลาโหมได้ออกจากสำนักงานที่ทำการในกรุงดามัสกัสแล้ว



           กองบัญชาการทหารของซีเรียได้แจ้งกับเจ้าหน้าที่แล้วว่าระบอบการปกครองของประธานาธิบดีอัล-อัสซาดนาน 24 ปีได้สิ้นสุดลงแล้ว นายอัล โกลานี ผู้นำกลุ่มกบฏอายัต ตาห์รีร์ อัล-ชามกล่าวขอให้นักรบไม่บุกเข้าไปในที่ทำการทางราชการในกรุงดามัสกัส โดยบอกว่าหน่วยราชการจะยังอยู่ภายใต้การดูแลของนายกรัฐมนตรีซีเรียต่อไปจนกว่าจะมีการส่งมอบหน่วยราชการและตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่ออย่างเป็นทางการ ด้านนายกรัฐมนตรีซีเรียกล่าวว่าพร้อมที่จะทำงานร่วมกับผู้นำคนใดก็ตามที่ชาวซีเรียเลือก



           สงครามกลางเมืองของซีเรียปะทุขึ้นในปี 2011 จากการลุกฮือเพื่อต่อต้านการปกครองของประธานาธิบดีอัล-อัสซาด กลุ่มกบฏอายัต ตาห์รีร์ อัล-ชาม ซึ่งอดีตคือกลุ่มอัลเคด้า ในประเทศซีเรีย ซึ่งรัฐบาลชาติตะวันตกระบุให้กลุ่มกบฏอายัต ตาห์รีร์ อัล-ชามเป็นองค์กรก่อการร้าย การลุกฮือเพื่อต่อต้านประธานาธิบดีอัล-อัสซาดได้ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 826 ราย ส่วนใหญ่เป็นนักรบ แต่มีพลเรือนเสียชีวิตด้วย 111 ราย ด้านองค์การสหประชาชาติระบุว่าความรุนแรงในซีเรียส่งผลให้มีผู้พลัดถิ่นแล้ว 370,000 คน



          เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้จุดความกลัวว่าจะเกิดความไม่มั่นคงรอบใหม่ในตะวันออกกลาง หลายประเทศ เช่น กาตาร์ ซาอุดีอาระเบีย อียิปต์ ตุรกี และรัสเซีย ได้ออกแถลงการณ์ร่วมว่าวิกฤตในซีเรียเป็นพัฒนาการที่อันตรายและขอให้มีการแก้ปัญหาทางการเมือง และชาวซีเรียหลายคนกลัวว่ากลุ่มกบฏจะใช้กฎการปกครองแบบอิสลามที่เข้มงวด ส่วนนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ กล่าวว่า สหรัฐอเมริกาไม่ควรเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับปัญหาในซีเรีย



 



#ตะวันออกกลาง



#อัสซาดหนีออกนอกประเทศ

ข่าวทั้งหมด

X