กรณีที่ สจ.จอย ณภาภัช อัญชสาณิชมน ภรรยาของ สจ.โต้ง นายชัยเมศร์ สิทธิสนิทพงศ์ ที่เสียชีวิต ภายในบ้านพักของนายสุนทร วิลาวัลย์ นายก อบจ.ปราจีนบุรี และกังวลเรื่องการดำเนินคดี เนื่องจากเกรงปมผู้มีอิทธิพล จึงยื่นหนังสือร้องขอโอนย้ายคดีมาที่กองบังคับการปราบปราม
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างกระบวนการของตำรวจภูธรภาค 2 ตำรวจปราจีนบุรีและสอบสวนกลางร่วมกันพิจารณา แต่ยังไม่สามารถระบุวันที่จะมีการโอนคดีชัดเจนได้ แต่คาดว่าจะมีการโอนสำนวนคดีมาที่กองปราบฯ ซึ่งก็มีการสืบสวนมาพอสมควร ขอให้มั่นใจว่าจะได้รับความยุติธรรม ยอมรับว่าคดีนี้มีความซับซ้อนของตัวบุคคลที่เกี่ยวข้อง และเกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพลในพื้นที่
หลังจากมีกระแสว่าก่อนจะโอนคดีมาที่กองปราบ ตำรวจภาค 2 ขอเคลียร์อะไรบางอย่างจะเกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพลหรือไม่ ผบ.ตร.ยืนยันว่ามั่นใจในตัวของทั้งผู้การจังหวัด และตำรวจภาค 2 เพราะจากปฏิบัติการตรวจค้นผู้มีอิทธิพลทั้งสืบภาค 2 และสืบกองปราบฯ ก็ทำงานร่วมกันตรวจค้นเป้าหมายมากกว่า 50 จุด ภายใน 3 วัน ตรวจค้นอาวุธปืนได้มากกว่า 70 กระบอก
ผบ.ตร.เปิดเผยว่าจะให้จังหวัดปราจีนบุรีเป็นโมเดลในปฏิบัติการตัวอย่างที่จะปราบปรามผู้มีอิทธิพลที่เกี่ยวข้องกับการเมืองท้องถิ่น ไม่ยินยอมและจะไม่ประสงค์ให้ผู้ที่คิดว่าตัวเองเป็นผู้มีอิทธิพล และยอมรับไม่ได้หากมีกลุ่มคนที่จะเลี้ยงมือปืน หรือเอาใครมาเลี้ยงไว้ใช้เวลากระทำผิด ซึ่งตำรวจเก็บข้อมูลและจะขยายผลดำเนินการกับจังหวัดอื่น ๆ ซึ่งอีกไม่กี่เดือนจะมีการเลือกตั้งท้องถิ่น ตำรวจมีข้อมูลผู้มีอิทธิพลเหล่านี้แล้ว แต่ยังบอกไม่ได้ว่าเป็นที่ไหนบ้าง
กรณีที่นายกรัฐมนตรีบอกว่าจะตั้งคณะทำงานขึ้นมาปราบปรามเรื่องนี้โดยเฉพาะ ซึ่งก็สอดรับกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผบ.ตร.ย้ำว่าตำรวจไม่ยินยอมไม่ว่าจะบ้านเล็กบ้านใหญ่ หรือผู้มีอิทธิพลที่มีสมุน มีประวัติอาชญากรรมหรือเคยต้องโทษมา และมีอาวุธไว้ครอบครอง โดยทุกอาวุธปืนที่ยึดได้จะมีการตรวจสอบทั้งมีทะเบียนและไม่มีทะเบียนว่าเอาจากไหน และเคยนำไปใช้ก่อความผิดใดมาก่อนหรือไม่ด้วย
#คดีสจโต้ง
#กองปราบปราม
แฟ้มภาพ