แพทยสภาสอบจริยธรรมแพทย์ ปม‘ทักษิณ’ นอนชั้น 14 แม้มีมูลแต่ยังไม่ฟันว่า แพทย์ผิดจริงหรือไม่ ขอสอบละเอียดทางลับก่อน

วันนี้, 13:59น.


          เลขาธิการแพทยสภาเผยสอบจริยธรรมแพทย์ รพ.ตำรวจ  ปม “ทักษิณ” นอนชั้น 14 แม้มีมูล แต่ยังไม่ฟันว่า แพทย์ผิดจริงหรือไม่ หรือจงใจแค่ไหน ต้องสอบสวนรายละเอียดทางลับ มีกรอบระยะเวลาตามข้อบังคับแพทยสภา



           ตามที่มีการ เปิดเผยหนังสือของแพทยสภา โดย ศ.เกียรติคุณ นพ.อมร ลีลารัศมี กรรมการแพทยสภาในฐานะประธานอนุกรรมการสอบสวน ชุดเฉพาะกิจ ที่ตั้งโดยมติที่ประชุมแพทยสภาฯ ได้ทำหนังสือของแพทยสภา ลงวันที่ 16 ธันวาคม 2567 ถึง แพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวม 3 หน้ากระดาษ มีใจความโดยสรุป ภายหลังมีผู้ร้องเรียนแพทยสภา ให้สอบสวนการรักษาพยาบาลนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่พักรักษาตัวที่รพ.ตำรวจชั้น 14 เป็นเวลา 6 เดือน จนถึงกำหนดการพักโทษ



          พล.อ.ท.นพ.อิทธพร คณะเจริญ เลขาธิการแพทยสภา ให้สัมภาษณ์ว่า คงไม่สามารถกล่าวถึงรายละเอียดในการสอบสวน เพราะเป็นชุดของศ.เกียรติคุณ นพ.อมร ลีลารัศมี เป็นประธาน และการดำเนินการเป็นขั้นตอนลับ อย่างไรก็ตาม ตามขั้นตอนปกติในกรณีมีผู้กล่าวโทษหรือยื่นคำร้องต่อแพทยสภา  จะมีการดำเนินการหาข้อมูลและตั้งคณะอนุกรรมการจริยธรรมขึ้นมา เพื่อรวบรวมเอกสารหลักฐานว่ามีมูลหรือไม่ โดยมีกรอบระยะเวลาชัดเจน และนำผลเข้าสู่คณะกรรมการแพทยสภา เพื่อพิจารณาว่า มีมูลหรือไม่มีมูล  หากไม่มีมูลก็ยกฟ้อง แต่หากมีมูลก็จะตั้งคณะอนุกรรมการชุดที่ 2 คือ คณะอนุกรรมการสอบสวนฯ ซึ่งก็คือชุดของ ศ.เกียรติคุณ นพ.อมร เป็นประธาน



          หลังจากนั้นก็จะดำเนินการเป็นการลับ เพราะต้องเร็ว ยุติธรรม และที่ต้องเป็นการลับเพื่อให้ไม่มีผลต่อใครมากระทบกระเทือนเรื่องการสอบสวน พิจารณาได้ ซึ่งกรรมการแพทยสภาอื่นๆที่ไม่เกี่ยวข้องก็จะไม่ทราบเช่นกัน โดยกระบวนการที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็นกระบวนการตามข้อบังคับของแพทยสภา ต้องทำตามกรอบระยะเวลาที่กำหนด โดยเมื่อคำร้องมีมูลมีการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการสอบสวนฯ ตามพ.ร.บ.วิชาชีพฯ พ.ศ.2525 มาตรา 36-38 และข้อบังคับว่าด้วยวิธีพิจารณาฯ พ.ศ.2563 ข้อ 27-39 พิจารณาภายใน 180 วัน ขยายได้ 120 วัน และขยายได้อีกตามที่กรรมการเห็นสมควรพิจารณาว่า ผู้ถูกร้องประพฤติผิดจริยธรรมหรือไม่ อย่างไร จากนั้นเสนอคณะกรรมการแพทยสภา พิจารณาข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานว่า เพียงพอหรือไม่ หากเพียงพอก็จะพิจารณาว่าประพฤติผิดหรือไม่ หากผิดต้องพิจารณาว่าผิดหมวดใด และพิจารณาโทษต่อไป



          ต้องไปดูผลของการสอบสวนก่อนว่า เกี่ยวข้องกับแพทย์หรือไม่ คนไหนอย่างไร โทษก็จะขึ้นอยู่ว่า มีความผิดจริงหรือไม่ ถ้าผิดจริงมากน้อยเพียงใด  ตั้งใจ จงใจ เจตนาหรือไม่ ซึ่งยังบอกไม่ได้ว่า จริงๆแล้วเรื่องนี้ต้องไปดูว่า ต้นเหตุมีแพทย์เกี่ยวข้องหรือไม่ หรือเกี่ยวข้องมากน้อยแค่ไหน หรือแพทย์ไม่เกี่ยวข้องเลย ตรงนี้มีรายละเอียดมาก ตอนนี้ยังไม่ได้สรุปว่าหมอผิด จนกว่าจะพิสูจน์พยานหลักฐานก่อน แต่หากผิดจริยธรรม ก็ต้องไปดูว่ามากน้อยแค่ไหน โทษก็จะเป็นไปตามความผิดที่เกิดขึ้น



 



#แพทยสภา



#สอบจริยธรรม

ข่าวทั้งหมด

X