นักวิชาการแนะ บทบาทไทยต้องทำมากกว่าเจรจา -'ว้าแดง' ไม่ถอนกำลัง

24 ธันวาคม 2567, 14:56น.


          การรุกล้ำชายแดนไทย  รศ.ดร.ดุลยภาค ปรีชารัชช คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ระบุว่า กองกำลังว้าแดง ที่ตั้งฐานล้ำชายแดนไทย-เมียนมา ยังไม่ได้ถอนกำลังไปไหน  อาจจะเป็นเพราะรอเจรจา แต่ไม่ได้มีการคุยกับชาวบ้านเลยคาดว่า จีน จะมีบทบทในการเจรจา เพราะว้าแดงยังพยายามควบคุมพื้นที่ สามเหลี่ยมทองคำ หากปักหลักแล้ว จะไม่ยอมถอนกำลังง่ายๆ  ทางการไทยเองได้เจรจาหลายครั้ง หลายรอบ แต่ก็ยังไม่ยอมถอย และยังไม่มีการกำหนดเวลาขึ้นมา ถ้าช้าไปจะส่งผลกระทบกับอธิปไตยของไทยอย่างมาก



          สิ่งที่เป็นข้อกังวลคือ ชาวบ้านในแถบนั้นเป็นชนเผ่ามูเซอแดง ที่มีอาชีพหาของป่า ได้รับผลกระทบ เนื่องจากทหารว้าแดงก็ตรึงกำลังเพื่อป้องกันพื้นที่ หากเข้ามาคุมพื้นที่ แม่น้ำลาง ทำให้ชาวบ้านไม่สามารถมีอาชีพได้ ซึ่งทหารไทยควรต้องเพิ่มกำลังให้มากขึ้นไม่อยากให้กลุ่มว้า ใช้แม่น้ำลาง มาเป็นชายแดน และยังอยู่ในพื้นที่ อ.ปางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอน



           สำหรับจำนวน กองกำลังกลุ่มว้า ขณะนี้น่าจะอยู่ที่ 1-2พันคน  โดยอาจารย์ดุลยภาพมองว่า ที่ใดมีฐานทหาร ก็จะมีมวลชนเขาตามมาด้วย เพราะถ้ารวมประชาชนแล้ว จะถึงหลักหมื่นคน โดยกลุ่มว้า ใช้การปกครองแบบคอมมิวนิสต์ โดยใช้ระบบสื่อและระบบมวลชนเป็นกันชน



           ส่วนบทบาทของทหารเมียนมาในจุดนี้ แถบจะไม่มีอำนาจจึงต้องใช้การเจรจากับกลุ่มว้า โดยตรง  ดังนั้น บทบาทของรัฐบาลไทย ควรจะใช้วิธี ที่มากกว่าการเจรจา เพราะขณะนี้ สังคมต้องการคำตอบ และคิดว่า ต้องเร็วที่สุด เพราะเรื่องอธิปไตยของรัฐ เป็นเรื่องสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นกองกำลังใหญ่หรือเล็ก



           สำหรับแนวรุกล้ำชายแดนไทยของกลุ่มว้าแดง มี 2 ส่วน  คือ



1.บริเวณสันเขาชายแดนระหว่างประเทศ ยังต้องใช้เวลาปักหลักเขตแดน หารือร่วมกัน ต้องหารือกับคณะกรรมการปักหลักเขตแดนไทย เพื่อให้เห็นเขตแดนที่แท้จริง ซึ่งยังขาดอยู่หลายจุดมาก และพอสรุปได้แต่ยังไม่ทำ



2.ฐานบางฐานมีการล้ำอุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง เข้ามา ก็ต้องใช้กองกำลังไทยผลักดันออกไป ซึ่งมีการรุกล้ำมานานมากแล้ว.......ซึ่งคิดว่าไม่น่าจะยากกับกองกำลังทหารไทย อีกทั้งต้องดูว่า ถ้าไทยยึดได้ กลุ่มว้า จะโต้กลับแบบไหน แม้ว่ากลุ่มว้า จะมีอาวุธยุทโธปกรณ์ แต่กำลังแสนยานุภาพไทย ยังมีอาวุธที่เหนือกว่า



 



#ว้าแดง



#ชายแดนไทย

ข่าวทั้งหมด

X